กรมสุขภาพจิตเผยสถิติคนไทยกังวล หลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่
กรมสุขภาพจิตรายงาน สถิติประชาชนโทรศัพท์มาสายด่วน 1323 เพื่อรับฟังคำแนะนำในเรื่องโควิด-19 สูงในช่วงเดือน มี.ค. อยู่ที่ 600 ครั้ง ต่อมาเดือน เม.ย. สถิติลดลงไป เพราะมีการงดเทศกาลสงกรานต์ งดขายแอลกอฮอล์ อยู่ที่ 539 ครั้ง ส่วนเดือน พ.ค. ตัวเลขสูงถึง 687 ครั้ง ก่อนที่จะเริ่มลดอีกครั้งในเดือน ต.ค.จนกระทั่งเดือน ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา สถิติเก็บถึงสัปดาห์แรกพบว่ามีคนโทรฯ มาขอคำปรึกษา 48 รายด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สูงมากขึ้น
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยผลสำรวจความเครียดของคนไทยต่อการระบาดของโรค โควิด-19 ว่า สุขภาพจิตคนไทยเมื่อเดือน มี.ค. 63 ซึ่งเป็นการระบาดรอบแรก มีความเครียดมากกว่าปกติสูงสุดในรอบปี อยู่ในระดับ 4 กว่าๆ จากนั้นค่อยๆ ลดลงมา จนช่วงสิ้นปีระดับความเครียดลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างน่าพอใจ แต่เมื่อเข้าปี 2564 มีการระบาดรอบใหม่ภาวะเครียดของประชาชนก็กลับขึ้นมาถึงระดับ 4 อีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังพบการรายงานช่วงต้นเดือน ธ.ค. มีความความตื่นตระหนกสูงกังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อ ระมัดระวังการออกนอกบ้าน และเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงรายและสมุทรสาคร ซึ่งทางกรมสุขภาพจิตได้ให้คำแนะนำการบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล ดังนี้ 1.หากกลัวการติดเชื้อ สามารถปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ไม่เข้าพื้นที่แออัด 2.ความตระหนก จากการรับข่าวสาร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ให้ระมัดระวังการรับข้อมูลให้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ส่งต่อข้อมูลที่สร้างความกังวลใจ 3.ความอ่อนล้า ให้มีการสื่อสารทางบวก ไม่ส่งต่อข้อความทางลบหรือไม่สามารถปฏิบัติได้จริง เพราะจะยิ่งลดทอนความพยายามลงไป
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตใจ คือพูดคุยกับคนใกล้ชิดและดูแลใส่ใจซึ่งกันและกัน เพราะการพูดคุยเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดความกังวล รวมถึงความกดดันที่เผชิญได้ หวังว่าในปีนี้ทุกคนจะผ่านปัญหานี้ไปได้ด้วยกันนะคะ
