• 24 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

แสนสิริ เผยยอดโอนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุด 28,200 ล้านบาท

แสนสิริ เผยยอดโอนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุด 28,200 ล้านบาท

แสนสิริ เผยรายได้จากการขายเติบโตขึ้นจากยอดโอนทุบนิวไฮที่ 10,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 312% จากรอบเดียวกันของปีก่อน ดันครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 17,900 ล้านบาท โตจากปีก่อน 64% ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 260 ล้านบาท และกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 320 ล้านบาท

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทมีรายได้รวม 11,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,300 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 71% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 6,600 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 17,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะที่รายได้จากการขายในช่วงไตรมาส 2 เติบโตโดดเด่นที่สุด ทุบสถิติ New High Record ที่ 10,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 312% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,500 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 91% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จากการขาย 5,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 6,300 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 61 : 39 ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการขาย 15,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 112% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 9,400 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดมิเนียม 6,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 60 : 40 นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 260 ล้านบาท  

“บริษัทมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในครึ่งปีแรก โดยล่าสุดบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 28,200 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนเฉพาะไตรมาสที่ 2 สูงถึง 25,200 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในรอบครึ่งปีและรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เป็นผลมาจากการส่งมอบโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมที่มากขึ้น ในสัดส่วน 40 : 60  นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 54,100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 40,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 14,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งรองรับการสร้างผลงานการโอนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ 42,000 ล้านบาท” นายวันจักร์ กล่าว

สำหรับยอดขาย (Presale) ในช่วง 7 เดือนของปี 2563 บริษัทมียอดขายรวมแล้วกว่า 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี  35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 16,200 ล้านบาท เติบโต 110% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 85% ของเป้าหมายยอดขายแนวราบทั้งปีที่ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท เป็นผลจากการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evolution ที่สามารถตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการแนวราบไปได้ถึง 13 โครงการ รวมทั้งยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 8,800 ล้านบาท

“กุญแจสำคัญ ซึ่งจะผลักดันสู่ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลังคือการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ที่จะส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทมีสภาพคล่องในมือรวม 12,000 ล้านบาท ที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ นอกจากนี้การดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดที่เป็นหัวใจสำคัญของแสนสิริ (แสนสิริ เซอร์วิส) จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า อันจะส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายการโอน สู่การสร้างรายได้ที่ดีต่อเนื่องในปีนี้มาจากแผนการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 16,200 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส สะพานใหม่ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 21 – 23 สิงหาคมนี้ ,โอกะ เฮาส์ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 18 – 20 กันยายน, XT เอกมัย เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 2 – 4 ตุลาคม, ลา ฮาบานา หัวหิน เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 16 – 18 ตุลาคม และดีคอนโด ธาร จรัญฯ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2563

ด้านแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ จากยอดขายโครงการแนวราบที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงมีแผนโฟกัสโครงการแนวราบต่อเนื่อง โดยการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 4 อีกจำนวน  10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evaluation ซึ่งเป็นแกนหลักในการพัฒนาโครงการ แบ่งการพัฒนาเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท บ้านและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส ในชื่อและทำเล “เดอะ เบส อีส-บางแค” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในวันที่ 26 – 27 กันยายนนี้อีกด้วย” นายวันจักร์ กล่าวปิดท้าย