แท็งก์น้ำ ทางเลือกแก้ปัญหาน้ำไม่ไหล-แล้ง
แท็งก์น้ำ หรือถังเก็บน้ำที่ควรมีไว้ใช้ในบ้าน เพื่อใช้เป็นที่เก็บน้ำสำรองใช้ในกรณีฉุกเฉิน อาทิ กรณีน้ำประปาไม่ไหล ก็สามารถนำน้ำจากแท็งก์น้ำมาใช้ก่อน ทั้งนี้การเลือกแท็งก์น้ำควรเลือกตามการใช้งานของแต่ละบ้าน รวมไปถึงคำนึงพื้นที่บ้านที่ต้องใช้วางแท็งก์น้ำ ดังนั้นการเลือกประเภทของแท็งก์น้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องคำนึกถึง
โดยแท็งก์น้ำหรือถังเก็บน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แท็งก์น้ำใต้ดิน และแท็งก์น้ำบนดิน
- แท็งก์น้ำใต้ดิน เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด จะช่วยประหยัดพื้นที่ รวมถึงช่วยทำให้อุณหภูมิน้ำคงที่แต่มีข้อเสียในเรื่องการดูแลรักษาความสะอาด เรื่องรอยรั่ว ราคาติดตั้งสูงกว่าแท็งก์น้ำบนดิน ทั้งนี้การติดตั้งควรมีโครงสร้างรับน้ำหนักถังให้ดี เนื่องจากถ้าในระยะยาวเกิดมีการทรุดตัวของดิน จะทำให้แก้ไขได้ยาก โดยวัสดุที่นิยมมี 2 แบบ คือแท็งก์น้ำคอนกรีตและพลาสติก
- แท็งก์น้ำคอนกรีต ข้อดี สามารถหล่อขึ้นรูปตามความต้องการหรือตามขนาดพื้นที่ได้เลย แข็งแรง โดยมีข้อเสียในเรื่องการรั่วซึมหากหล่อขึ้นรูปไม่ได้มาตรฐาน และมีตะไคร่น้ำเมื่อใช้ไประยะนาน
- แท็งก์น้ำพลาสติก ผลิตจากไฟเบอร์กลาส ข้อดี ใช้เวลาในการติดตั้งไม่นาน สามารถเลือกขนาดได้ตามความต้องการ โดยสามารถเลือกรุ่นที่ป้องกันการเกิดตะไคร่ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารพิษเนื่องจากสามารถเลือกสินค้าที่มาจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ ข้อเสียคือรูปทรงที่เลือกใช้จะต้องตรงกับพื้นที่ ๆ จะต้องฝังแท็งก์น้ำ
- แท็งก์น้ำบนดิน ง่ายต่อการบำรุงรักษา สามารถเปลี่ยนหรือซ่อมได้ทันทีเมื่อหากเกิดปัญหาเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่สูง อย่างไรก็ตามควรทำโครงสร้างรองรับน้ำหนักให้แข็งแรง ทั้งนี้อุณหภูมิแท็งก์น้ำจะไม่คงที่ โดยวัสดุที่นิยมใช้มี 2 แบบ คือ แท็งก์น้ำสแตนเลสและแท็งก์น้ำพลาสติก
- แท็งก์น้ำสแตนเลส มีความแข็งแรงมาก ใช้งานได้ยาวนาน ทำความสะอาดได้ง่าย แต่อาจจะเกิดสนิมบ้างตามรอยเชื่อม เหมาะสำหรับการเก็บน้ำสะอาดหรือน้ำประปาเท่านั้น ไม่ควรเก็บน้ำกร่อย/น้ำบาดาล หรือน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมี เนื่องด้วยวัสดุไม่ทนต่อกรดและด่าง
- แท็งก์น้ำพลาสติกชนิดติดตั้งบนดิน ซึ่งมีความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ อาทิ ช่วยยับยั้งตะไคร่น้ำ ทนทานต่อแสงแดด ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย น้ำหนักเบา ราคาต่ำกว่าแท็งก์น้ำสแตนเลส
