“วัน ออริจิ้น” ลงทุนพัฒนาโรงแรม-ออฟฟิศ-รีเทล โรงแรม มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท จะสามารถสร้างกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ 500 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2568
นางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานกรรมการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมองเห็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระยะยาวหลายปัจจัย อาทิ การผลักดันนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล, การมอบสิทธิประโยชน์ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ตลอดจนต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ต่ำลงในช่วงเศรษฐกิจปรับฐาน วัน ออริจิ้น ในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก จึงมองเห็นเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน โดยวางแผนการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวและแผนการดำเนินงานนี้ก็มาพร้อมกับการได้แนวคิดธุรกิจใหม่ คือ โมเดล“โอเพ่น แพลทฟอร์ม: เติบโตไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ แผนการลงทุนและการเติบโตในระยะยาวของบริษัทสามารถโตไปพร้อมกับพันธมิตร ซึ่งจะสามารถสร้างทั้งการเติบโตของธุรกิจช่วยเสริมกำลังการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ และยังเข้ามาช่วยผนึกกำลังทำงานร่วมกันเติมเต็มโนว์ฮาวเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวไปได้เร็ว และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และยังเป็นโมเดลแบบ Win-Win Situation ที่ทำให้บริษัทได้คู่คิดมาช่วยกันพัฒนาและสร้างสรรค์แต่ละโครงการให้มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยพันธมิตรในปัจจุบันของกลุ่มบริษัท มีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่1.การลงทุนในลักษณะพันธมิตรร่วมทุน (JV Partner) 2.การเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมในเครือ (Hotel Operator) 3.การเข้ามาเป็นผู้เช่าพื้นที่ (Tenant)4. ผู้บริหารพื้นที่เช่า (Property Leasing and Management)5.เจ้าของที่ดิน (Land Owner) ที่มีที่ดินพร้อมร่วมลงทุนพัฒนากับวัน ออริจิ้น ซึ่งโมเดลนี้ บริษัทเปิดกว้างสำหรับบริษัทอื่นๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ
“ขณะนี้ ทุกธุรกิจและทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกกำลังเริ่มปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น เราเริ่มเห็นหลายบริษัทระดับโลกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ปรับตัวในหลากหลายรูปแบบ เช่น การสร้างความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ หรือ Synergy ทั้งในประเภทธุรกิจเดียวและต่างประเภทธุรกิจกัน เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแห่งอนาคต เราจะนำโมเดลโอเพ่น แพลทฟอร์ม ซึ่งเป็นโมเดลที่เปิดกว้างเรื่อง Synergy สอดคล้องกับการปรับตัวของภาคธุรกิจทั่วโลก มาผสมผสานกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ หรือ Business Purpose ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อให้บริษัทสามารถก้าวไปได้อย่างมั่นคง” นางกมลวรรณ กล่าว
ด้านนายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า สำหรับธุรกิจพื้นที่พาณิชย์ (Commercial Space) ของวันออริจิ้นอันได้แก่พื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกนั้นบริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาและสรรหาพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน (Investor),กลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner),กลุ่มร้านอาหารขนาดใหญ่ (Mega Food Chain),กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต (Hypermart),กลุ่มบริการพื้นที่สำนักงาน (Office service and co-working space),กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Outlet),กลุ่มร้านสะดวกซื้อ (Convenience store),กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ (Delivery and Logistics) มาร่วมกันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในยุคLazy Economy ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการขยายความสามารถในการครอบคลุมตลาดแต่ต้องการเพิ่มศักยภาพจากผลตอบแทนการลงทุนที่มากกว่าแค่การเช่าพื้นที่และทำธุรกิจ
“พื้นที่พาณิชย์ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมากความสมบูรณ์ของการพัฒนาโครงการไม่ว่าโรงแรมพื้นที่สำนักงานหรือรีเทลต้องถูกออกแบบและพัฒนาไปด้วยกันจากนี้ไปการตอบสนองความต้องการของโครงการไม่ได้แข่งกันด้วยขนาดพื้นที่และความใหญ่โตอย่างเดียวแต่แข่งกันด้วยความสามารถและศักยภาพของพื้นที่ที่ถูกพัฒนามารวมถึงร้านค้าภายในพื้นที่และสำนักงานในพื้นที่ที่ตอบโจทย์วิถีที่เปลี่ยนไปของคนจากรุ่นสู่รุ่นและความสามารถของโครงการที่จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและชุมชนโดยรอบพร้อมทั้งเติมเต็มสีสันความมีชีวิตชีวาในวันที่พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปคนรุ่นใหม่นิยมสั่งสินค้าและอาหารออนไลน์ไม่ได้ขยันเดินห้างเหมือนในอดีตและคนรุ่นเดิมที่พฤติกรรมเริ่มโน้มเอียงมาแบบคนรุ่นใหม่ดังนั้นเราจึงจะหาพันธมิตรที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้เช่าแต่เป็นพันธมิตรระยะยาวที่อาจเซ็นMOU ร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆในโอเพ่นแพลทฟอร์ม และเราเชื่อมั่นว่าเราจะได้พันธมิตรที่มาร่วมกันคิดก่อน ทำก่อน เพื่อสำเร็จก่อน และเติบโตไปด้วยกันกับเรา” นายชาญชัย กล่าว
ด้านนายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และทยอยเปิดให้บริการจนถึงปี 2566รวมไม่น้อยกว่า 11โครงการ ในหลากหลายทำเลสำคัญเกาะแนวเส้นทางขนส่งมวลชนที่สำคัญอย่างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000ล้านบาท(ประมาณการมูลค่าสินทรัพย์รวม) ประกอบด้วย1.โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ รวมไม่น้อยกว่า 3,420 ห้องพัก ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มุ่งเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Business Purpose) และกลุ่ม Budget Hotel ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเสถียรภาพและมีอัตราการเข้าพักที่สม่ำเสมอทั้งในช่วงโลว์ซีซั่นและไฮซีซั่น 2.กลุ่ม Commercial Spaceเช่น อาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก รวมไม่น้อยกว่า16,000 ตร.ม. โดยโครงการส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ Mixed-use ผสมผสานการใช้ประโยชน์ด้วยอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท สร้างรายได้จากหลายรูปแบบ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ และทำให้แต่ละโครงการมีศักยภาพพร้อมเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของทำเลนั้นๆ
“วันนี้ เรามีบุคลากรและพันธมิตรที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์รวมตัวกันอยู่อย่างครบถ้วน มีที่ดินในทำเลศักยภาพที่ผ่านการคัดสรรและวิเคราะห์วิจัยตลาดมาเป็นอย่างดี พร้อมสำหรับพัฒนาทุกโครงการตามแผน การเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆ มาร่วมลงทุนและร่วมขับเคลื่อนในโอเพ่น แพลทฟอร์มของเราก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจและจุดเด่นที่แตกต่างกันให้กับแต่ละโครงการ และช่วยให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์” นายปิติพงษ์ กล่าว
สาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ทั่วโลกเริ่มไม่ได้เกิดจากOwner เพียงเจ้าเดียวแต่มักเป็นลักษณะการร่วมทุนหรือการสร้างความร่วมมือ (Synergy) ระหว่างพันธมิตรต่างธุรกิจต่างเซ็กเตอร์มากขึ้นเพื่อให้เกิดความหลากหลายและแปลกใหม่ในการพัฒนาพื้นที่เรื่องดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จในยุคDigital Disruption ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต้องการสิ่งใหม่ๆในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในฐานะLeading Agency ด้านการหาผู้เช่าของ