ปรับกลยุทธ์ สู้พิษอสังหาฯ ขาลง
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 ถือว่าชะลอตัว จนทำให้หลาย ๆ บริษัทต้องเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เคยวางแผนไว้ รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งพฤกษาเรียลเอสเตท แสนสิริ อนันดา เอพี เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (ข้อมูลจากฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) และยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าในปี 2563 จะมีการฟื้นตัวหรือเติบโตมากน้อยเพียงใด และอาจจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯ ซึ่งผู้ประกอบการหรือดีเวลลอปเปอร์ต้องวางแผนปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาฯ เกิดขึ้นจากซัพพลายล้นตลาด ซึ่ง ณ สิ้นปี 2562 มีประมาณ 258,000 ยูนิต โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในตลาดอสังหาฯ แต่ดีมานด์หรือความต้องการซื้อไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ แม้แต่ในตลาดไฮเอนด์ที่ยังมีกำลังซื้อ ก็ทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ รายหันมาเจาะตลาดในกลุ่มนี้ แต่เมื่อกำลังซื้อหรือดีมานด์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ทำให้ตลาดไฮเอนด์ก็ประสบปัญหากำลังซื้อชะลอตัวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ดีมานด์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาฯ อาจจะเป็นดีมานด์เทียม หมายถึงมีการซื้อเพื่อเก็งกำไรมากกว่าการซื้อจริง ดังนั้นผู้ประกอบการต้องวางแผนในการบริหารสต็อกและการเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการประสบปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจ
ทั้งนี้ควรเน้นไปที่การระบายสต็อกที่มีอยู่ก่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยอาจจะใช้กลยุทธ์ด้านราคา ในการลดราคาอสังหาฯ แต่ต้องลดราคาในรูปแบบที่ยังมีกำไรอยู่ ท้ายที่สุดอาจจะมีการลดราคาปิดการขายในราคาเท่าทุน ดีกว่าถือครองไว้จนทำให้ขาดทุน นอกจากนี้หากโครงการคอนโดฯ ที่มีจำนวนยูนิตเหลือจำนวนมาก อาจเปลี่ยนรูปแบบเป็นการปล่อยเช่าแทน เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คนอาจจะไม่กล้าตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาสูง การปล่อยเช่าอาจจะได้ผลตอบรับที่ดีกว่ารวมไปถึงการปล่อยขายแบบ Least Options หรือการปล่อยขายแบบทำสัญญาเช่าในอนาคต ถือเป็นการช่วยกระตุ้นการซื้อของผู้ซื้อเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการทำสัญญาแบบช่วงแรกตามระยะหน้าสัญญา จากนั้นจึงให้ผู้เช่าได้ทำการซื้อขายภายหลัง โดยคิดหักลบจากค่ามัดจำและค่าเช่าบ้านไปในตัว เปรียบเสมือนเงินดาวน์ ดังนั้นการรู้เท่าทันภาวะตลาดที่เกิดขึ้น และปรับตัวอย่างทันท่วงที ก็จะสามารถนำธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้
