หลังเปิดฉากกระตุ้นการซื้อบ้านและคอนโดด้วยงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41ไปเมื่อวันที่ 12-15 กันยายนที่ผ่านมา และออกสินเชื่อบ้านล้านหลังวงเงินกว่า 50,000 ล้านบาท ดูเหมือนว่าอาจจะยังไม่พอ ในการเพิ่มการหมุนเวียนในเศรษฐกิจทำให้โค้งสุดท้ายรัฐบาลเตรียมกระตุ้นอีกลอตคือมาตรการดึงดูดนักลงทุนฮ่องกงมาพำนักในประเทศไทย ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย หรือผ่อนเงื่อนไขที่มีอุปสรรคต่อการมีบ้านของประชาชน
นอกจากนี้ 3 สมาคมอสังหาฯเตรียมหารือกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ถึงผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารประเทศไทย เกี่ยวกับการกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน ที่ให้วางเงินดาวน์เพิ่มในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และหลังที่3 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยใช้มาตรการนี้เฉพาะคอนโดมิเนียมแต่ให้ยกเลิกควบคุมบ้านจัดสรรรวมทั้ง ขอให้ชะลอการออกเกณฑ์ควบคุมสัดส่วนหนี้เทียบกับรายได้ (DSR) ให้รัฐจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เพิ่มค่าลดหย่อนดอกเบี้ยบ้าน เป็นต้น
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท และนายกสมาคมอาคารชุดไทย มองว่ามาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนองเป็นการแก้ปัญหาระดับย่อยของภาคธุรกิจ ควรขอธนาคารแห่งประเทศไทย เลื่อนระยะเวลาเกณฑ์ควบคุมสัดส่วนหนี้เทียบกับรายได้ออกไปก่อนเนื่องจากปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซบเซาจากมาตรการ กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มาตรการของภาครัฐทั้ง 2 เป็นมาตรการที่ดีแต่มาผิดเวลาเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม เพื่ออยู่อาศัยจริง มากกว่าซื้อลงทุนประมาณ70-80%
ทั้งนี้ต้องมาลุ้นกันว่า มาตรการที่ 3 สมาคมได้ยื่นเสนอไปทางกระทรวงการคลังจะเร่งคลอดมาตรการได้ทันก่อนสิ้นปีนี้ได้หรือไม่เพราะจากมาตรการ แจกเงิน 1,000 บาท ให้ประชาชนยังคงเจอปัญหาไม่เว้นแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นการยืนยันตนเพื่อได้รับสิทธิ์และการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น
