• 24 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

“ เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์ ” เผยแผนปี67 บุกตลาดแนวราบ เตรียมเปิด 7 โครงการ มูลค่า 3,734 ลบ.

“ เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์ ” เผยแผนปี67 บุกตลาดแนวราบ เตรียมเปิด 7 โครงการ มูลค่า 3,734 ลบ.




“ เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์ ” เผยแผนปี67 พร้อมบุกตลาดแนวราบ เตรียมเปิด 7 โครงการ มูลค่า 3,734 ลบ. เน้นทำเลกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยว


นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯทั้งธุรกิจของครอบครัวและร่วมทุนพันธมิตรมาหลายโครงการ เป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี และมองว่าที่อยู่ที่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบ ยังเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนมีความต้องการ ดังนั้น เมื่อปี 2561 จึงได้ร่วมกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท  โดยตนถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอีก 49% เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรอีก 2-3 กลุ่ม โดยการพัฒนาแต่ละโครงการจะตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “Maison Development”(เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์)










โดยการร่วมทุนในครั้งนั้นจะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการพัฒนาแนวราบ ระดับราคา 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก ในทำเลในกรุงเทพฯโซนเหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก จ.สมุทรปราการ และอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยที่ผ่านมาพัฒนามาแล้ว 6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,325 ล้านบาท โดยปิดการขายไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,132 ล้านบาท  ได้แก่ เอ็มเวนิว เวสต์เกต (M Venue Westgate)  มูลค่าโครงการ 212 ล้านบาท , เอ็มไลฟ์ บางนา-ลาดกระบัง (M Live bangna-lat krabang) มูลค่าโครงการ 190 ล้านบาท , เอ็มไลฟ์ บางแค-สาทร (M Life Bangkae-Sathon) มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท , เอ็มไลฟ์ ลำลูกกา-คลอง 4 (M Life Lamlukka – Klong 4) มูลค่าโครงการ 473 ล้านบาท , เอ็มไลฟ์ สุขุมวิท-บางปู87 (M Life Sukhumvit- Bangpu 87) มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท  , ศรีราชา ฮิลล์ไซด์ ทาวน์ สุขุมวิท- ศรีราชา (Sriracha Hillside Town Sukhumvit-Sriracha) มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท




นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย โดยบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มียอด Reject สูง และหนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ในส่วนของบริษัทฯแม้จะพัฒนาบ้านในระดับราคา 2-5 ล้านบาท แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ดินที่พัฒนา ทำให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี ซึ่งเป็นการเปิดขายในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่ประสบปัญหาในเรื่องยอด Reject มากนัก ยิ่งหลังวิกฤติโควิด-19 ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง











ปี 2567 นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ,ศรีราชา(ชลบุรี)และภูเก็ต (ตรงข้ามสนามบินภูเก็ต) โดยในปีนี้ บริษัทฯได้มีการปรับแผนรุกพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี ระดับราคาตั้งแต่ 7-20 ล้านบาท ถึงจำนวน 6 โครงการ คือที่ กรุงเทพฯ 5 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วยไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา (Maison Hill Sukhumvit-Sriracha ) มูลค่าโครงการ 558 ล้านบาท , มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2 (Morgen Bangkhunthian-Rama2 ) มูลค่า 1,060 ล้านบาท ,เอ็ม เวนิว พระราม3-สุขสวัสดิ์62 (M Venue Rama 3 – Suksawat 62) มูลค่าโครงการ 257 ล้านบาท , แกรนด์ มอร์เกน ไพรเวซี่ พรานนก-สาย1(Grand Morgen Privacy Phrannok  – Sai 1) มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท , แกรนด์ มอร์เกน พรานนก-สาย2 (Grand Morgen Phrannok  – Sai 2) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ,มาร์วิช สาธุประดิษฐ์-พระราม3 (Mavich Sathupradit -Rama 3 ) มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท , เมซัน สกาย วิลล่า ภูเก็ต (Maison Sky Villa Phuket) มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาท




“ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วง 5 ปีนี้ จะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับราคาตั้งแต่ 3-20 กว่าล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน และต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินย่านหาดในทอน สะสมเหลืออยู่อีกประมาณหลาย 10 ไร่ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำให้บริษัทมีพอร์ตรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และในอนาคตก็สนใจที่จะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ส่วนจะเป็นตลาดไหนต้องขอใช้ระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลก่อน บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท จาก 3 โครงการเดิมและ 7 โครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2567 นี้  ”  นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว