• 24 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

“สิงห์ เอสเตท” เผยรายได้ไตรมาส 1 ที่ 3,335 ลบ.

“สิงห์ เอสเตท” เผยรายได้ไตรมาส 1 ที่ 3,335 ลบ.




“สิงห์ เอสเตท” เผยรายได้ไตรมาส 1 ที่ 3,335 ลบ. เดินหน้าขยายธุรกิจตามเป้า มั่นใจรายได้ปี66 สูงกว่า 16,000 ลบ.



นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1 ปีนี้ สะท้อนให้เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่ชัดเจนของธุรกิจโรงแรม โดยโรงแรมทุกแห่งสามารถกลับมาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ส่งสัญญาณต่อผลประกอบการที่จะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสถัด ๆ ไป โดยเรามีความมั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนรายได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ทั้งปีรวม 16,700 ล้านบาทซึ่งโดยหลักจะมาจากการเติบโตของกลุ่มโรงแรมมากกว่า 10,000 ล้านบาท เสริมทัพด้วยรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัย หนุนด้วยดีมานด์ของโครงการ Ready-to-move-in ของคอนโดมีเนียม ที่จะฟื้นตัวตามการเปิดพรมแดนทั่วโลก ซึ่งเราพร้อมจะช่วงชิงโอกาสดังกล่าว ด้วยการขยายสัดส่วนการถือครองโครงการThe ESSE Sukhumvit 36 ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการดังกล่าวเต็ม 100% โดยบริษัทฯ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการหนุนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 – 3 ของปีนี้ ผนวกกับไตรมาสสุดท้ายของปี จะได้รับยอดโอนจากโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งเราคาดหวังความสำเร็จ เช่นเดียวกับโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซสซึ่งได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าอย่างดีและสามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างยอดเยี่ยมในปี 2565 ที่ผ่านมา




บริษัทมีแผนขยายโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและจะเพิ่มความหลากหลายของที่อยู่อาศัยทั้งในแง่ของทำเลที่ตั้งและฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2566 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบรวม 5 โครงการซึ่งมีมูลค่ารวมหมื่นล้านบาท พร้อมตั้งงบในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการเปิดตัวโครงการต่อเนื่องปีละอย่างน้อย 4 โครงการ เพื่อผลักดันรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยให้เติบโตที่ระดับ CAGR 20% เฉลี่ยภายในปี 2568











นอกจากโครงการจัดสรรจำนวน 3 โครงการ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพที่เราจะทยอยเปิดตัวในครึ่งปีหลังของปีนี้แล้ว เราจะสร้างความแตกต่างของโครงการแนวราบของสิงห์ เอสเตท บนพื้นฐานกลยุทธ์ Speed to market เน้นโครงการที่เข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง นำเสนอความ Exclusive ด้วยขนาดโครงการที่เหมาะสม มีความเป็นส่วนตัวด้วยลักษณะโครงการ Cluster Homeซึ่งจะเปิดตัวโครงการ Flagship project ที่มีราคาเริ่มต้นที่หลังละ 550 ล้านบาท ในรูปแบบ Private Estate บนทำเลใจกลางสุขุมวิทและเตรียมพัฒนาโครงการถัดไปในย่านรามอินทรา ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ที่ราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาท




สำหรับอีก 2 ธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ที่จะสร้างการเติบโตของผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566 นี้ ได้แก่ (1) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ที่จะรับรู้ยอดรายได้เต็มปีของอาคาร S-OASIS ซึ่งมีพื้นที่เช่ามากกว่า 53,000 ตารางเมตร ที่พึ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ โดย ณ ปัจจุบัน ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี และมีผู้เช่าหลักหลักเข้ามาทำสัญญาเช่าแล้วเกือบ 9,000 ตารางเมตร และ(2) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ที่มียอดโอนที่ดินสะสมจำนวน 87 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 900 ไร่จะทยอยพัฒนาและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า ซึ่งเราคาดหวังว่ายอดขายที่ดินจะเร่งตัวขึ้นในปี 2566 สอดคล้องกับความคืบหน้าในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันผลกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง




“สิงห์ เอสเตท จะขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 อย่างเต็มพละกำลัง ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศในธุรกิจ หรือ S EXCELS เพื่อสร้างผลการดำเนินงานสู่เป้าหมายรายได้และกำไร All-time High พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยพันธสัญญาในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า และสร้างคุณค่าที่ยังยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม”  นางฐิติมา กล่าวเสริม