“แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป” กางแผน 1-2 ปี รุกโครงการแนวราบ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 5,000 ลบ. ในปี 69 และเตรียมเปิดโครงการใหม่ 2-3 โครงการต่อปี
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของ แอสเซท ไฟว์ ในปี 2565 ถือว่าประสบความสำเร็จได้รับความสนใจจากลูกค้าด้วยการปิดการขายโอนหมดทุกยูนิตปิดโครงการ Vana Residence (วนา เรสซิเดนซ์) พระราม 9 – ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี เป็นงานออกแบบภายใต้แนวคิด “A New Definition of Luxury Urban Home” เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ พร้อมการออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงอายุ อีกทั้งการ Sold out ในเฟสแรกที่เปิดขายในงาน VVIP Day เพียง 2 วัน ที่เกินความคาดหมายของโครงการใหม่ CINQ ROYAL Krungthep Kreetha (แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา) บ้านเดี่ยวราคา 50 – 100 ล้านบาท มาพร้อม Concept 5 Values of Life สร้างยอดขายมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่ได้เปิด Pre-Sales รวมถึงการสามารถกลับเข้าไปเทรดของหุ้น A5 ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Mai) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ได้สำเร็จตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 และการเปิดขายหุ้นกู้ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเกินคาดในเดือนสิงหาคม 2565 นอกจากนี้ได้เดินหน้าซื้อที่ดินแปลงสวย ทำเลศักยภาพตามแนวทางการพัฒนาของบริษัทฯ หลายแปลง เพื่อต่อยอดแบรนด์อย่าง Vana Residence (วนา เรสซิเดนซ์) และ CINQ ROYAL (แซงค์ รอยัล) อีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าของโครงการ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี งานก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ล่าสุดได้จัดพิธีฉลองปิดงานโครงสร้างวิศวะกรรมอาคาร (Top – Off Ceremony) ซึ่งคาดว่าสร้างแล้วเสร็จ พร้อมให้เข้าอยู่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 เตรียมให้สัมผัสความหรูหรา สุดเอ็กซ์คลูซีฟของโครงการบนที่ดิน Freehold เพียงหนึ่งเดียว บนทำเลศักยภาพอย่างถนนต้นสน เพลินจิต ชิดลม และโครงการใหม่ CINQ ROYAL Krungthep Kreetha ( แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา ) งานก่อสร้างเป็นไปตามแผน ทั้งอาคารคลับเฮาส์ และบ้านตัวอย่าง มีความหรูหราและอลังการ โดยงานก่อสร้างในเฟสแรกทั้งหมดจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการจริง ช่วงต้นปี 2566 นี้
ทั้งนี้ กรุงเทพกรีฑา เป็นทำเลที่ A5 มองเห็นศักยภาพมาตั้ง 4-5 ปีก่อน และจะเป็น Beverly Hills ของเมืองไทยในอนาคต ซึ่งปัจจุบันทำเลนี้มีการเติบโตขึ้นมาก ตรงกับแนวคิดการพัฒนาของบริษัทฯ ในเรื่อง Value of Asset ที่ต้องเป็นทำเลที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี จึงทำให้เราเข้ามาพัฒนาโครงการบนทำเลนี้เป็นรายแรก ๆ และปัจจุบันเป็นทำเลฮอตที่สุดของเซ็กเมนต์บ้านหรู ทั้งปัจจัยเรื่องการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร เป็นต้น จึงไม่แปลกใจที่ย่านนี้มีการแข่งขันสูง ซึ่งผู้พัฒนาแต่ละรายก็มีโครงการที่โดดเด่นแตกต่างกัน ในอีกมุมที่มอง คือ เป็นข้อดีของลูกค้าเพื่อให้ได้มีทางเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์มากที่สุด มากกว่าทำเลอื่น ๆ และ “เรามั่นใจว่า A5 จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหาบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวร์รี”
ส่วนการดำเนินธุรกิจของ แอสเซท ไฟว์ มีจุดเด่น คือ “บ้าน” ที่ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่มันคือ คุณค่าที่สะท้อนปรัชญาของการใช้ชีวิต เราจึงทำ “บ้าน” ที่แตกต่างจากคนอื่น ทั้งดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร กลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านเอง เบื่อบ้านแบบเดิม จึงออกมาเป็นแนวคิด เราพัฒนาโครงการอย่าง 5 Values of Life ที่ฝังลึกลงไปตั้งแต่การเลือกที่ดิน การวางผังโครงการ การออกแบบบ้าน ส่วนกลาง ฟังก์ชั่นการใช้งาน วัสดุที่สวยงามใช้งานได้จริง มีความทนทานใช้ได้นาน การมีอิสระในการออกแบบ และตัวตนที่ชัดเจนในงานตกแต่งภายใน (Interior) ที่จะทำให้ลูกค้าได้คุณค่ามากกว่ามิติของคำว่า “บ้าน” เพียงอย่างเดียว อีกทั้ง A5 ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ในการพัฒนาโครงการในทุกจุดที่ออกแบบมาจากการแก้ Pain Point ของลูกค้ากับจุดที่ลูกค้าชื่นชอบ มาผสมผสานกันในงานออกแบบ จึงทำให้ “บ้าน” ของแอสเซท ไฟว์ กลายเป็น “บ้าน” ในแบบที่ไม่เหมือนโครงการอื่น แต่จะเหมือนกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ามากที่สุด
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้านั้น A5 จะยังเน้นทำโครงการบ้านแนวราบเป็นหลัก และต่อยอดแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Vana Residence (วนา เรสซิเดนซ์), Cinq Royal (แซงค์ รอยัล) และ Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์) โดยบริษัทฯ มีเป้ารับรู้รายได้ 5,000 ล้านบาท ในปี 2569 และมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2-3 โครงการต่อปี ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เฉลี่ยยอดรับรู้รายได้เติบโตปีละกว่า 40%
อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ A5 ประสบความสำเร็จได้ เพราะเราเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ นิช มาร์เก็ต ทำบ้านในระดับ ลักชัวรี เซ็กเมนต์ โดยนำเสนอบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่กู้ธนาคารหรือถ้ากู้ก็ในสัดส่วนที่น้อยและยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ ทำให้ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของ A5 และไม่ส่งผลต่อแผนการเปิดโครงการใหม่ในอนาคต