เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เผยผลประกอบการไตรมาสแรก มีรายได้ 1,690 ลบ. คาดธุรกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกไตรมาส ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เราคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมาคึกคักอีกครั้งตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งรวมถึงโรงแรมของเราที่ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้ง 5 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ นอกจากนั้นแล้ว SHR ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกในการทำการตลาด การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการจองห้องพักของบริษัทฯ ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการปรับปรุงสินทรัพย์และสร้างมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ ให้แก่โรงแรม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแขกผู้เข้าพักยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในปี 2565”
ผลการดำเนินงานของพอร์ตโรงแรมในโครงการครอสโร้ด เฟส 1 (CROSSROADS Phase 1) ที่มัลดีฟส์ ในไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 74% ด้วยความโดดเด่นในรูปแบบและองค์ประกอบของโครงการที่แตกต่างจากรีสอร์ททั่วๆ ไป โดยสามารถรองรับการพักผ่อนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่สุดเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในมัลดีฟส์ ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ จุดแข็งในการออกแบบโครงการ และการทำการตลาดเชิงรุกของบริษัทฯ ที่สามารถหาลูกค้าหมุนเวียนจากหลากหลายภูมิภาค บริษัทฯ จึงคาดว่าโรงแรมทั้งสองแห่งบนโครงการครอสโร้ด เฟส 1 จะสามารถรักษาอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) ในระดับสูงต่อเนื่องได้ทั้งปี พร้อมกับตั้งเป้าหมายในการเพิ่มอัตราค่าห้องพักต่อคืน หรือ ADR ให้เติบโตขึ้นได้ ผ่านกลยุทธ์การปรับปรุงห้องพักของโรงแรม และการเจาะลูกค้ากลุ่ม High Spending เช่น ชาวยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น และหากว่าลูกค้ากลุ่มประเทศในเอเชียอย่าง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มลูกค้าหลักของมัลดีฟส์ เริ่มผ่อนปรนมาตรการให้ประชากรเดินทางออกนอกประเทศแล้ว SHR มีความมั่นใจว่าจะมาเสริมทัพให้โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ มีศักยภาพในการเติบโตได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางในฝัน ที่รองรับนักเดินทางได้ทุกกลุ่ม จากทั่วทุกมุมโลก
ด้านโรงแรมในสหราชอาณาจักร คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับตั้งแต่เดือนเมษายน ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งสอดคล้องกับฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนั้น โรงแรมในสหราชอาณาจักรของบริษัทฯ ทั้งหมดเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ตามภูมิภาคในแหล่งท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ซึ่งมี Pent-up Demand จากอุปสงค์การท่องเที่ยวในประเทศที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ คาดการณ์ผลการดำเนินงานของโรงแรมในสหราชอาณาจักรจะปรับดีขึ้นกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นระดับก่อนโควิด-19 ได้ พร้อมหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ต ผ่านการปรับปรุงโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโตเพื่อปรับเพิ่มค่าห้องพักเฉลี่ยให้สูงขึ้น ซึ่งจะสะท้อนผ่านความสามารถในการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 เป็นต้นไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเริ่มเห็นสัญญาณบวกของการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ ของอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ที่คาดว่าจะฟื้นตัวทั้งใน สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และประเทศไทย โดยเฉพาะโรงแรมทรายลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนให้รายได้ในปี 2565 เติบโตขึ้น
นายเดิร์ก กล่าวปิดท้ายว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน SHR ยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ตโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยวางงบการลงทุนใน 3 ปีข้างหน้ากว่า 2.8 พันล้านบาท สำหรับเสริมแกร่งกลยุทธ์หมุนเวียนและต่อยอดการลงทุน (Asset Rotation) ตลอดจนการลงทุนในการก่อสร้างโรงแรม SO/Maldives ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการในปี 2566 นอกจากนั้น SHR ได้วางแผนเพื่อขยายกิจการ โดยวางงบลงทุนสำหรับการควบรวมกิจการ (Merger and acquisition) เพิ่มเติม และยังคงมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้ประกอบการและบริหารธุรกิจโรงแรมภายใต้แบรนด์ของเราเอง รวมทั้งจับมือกับพันธมิตรผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำระดับนานาชาติเพื่อขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต”