• 21 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

ผู้ประกอบการบุก ตลาดแนวราบ รับครึ่งปีหลัง 2564 เน้นราคาเข้าถึง-เดินทางสะดวกเจาะกลุ่มซื้ออยู่จริง

ผู้ประกอบการบุก ตลาดแนวราบ รับครึ่งปีหลัง 2564 เน้นราคาเข้าถึง-เดินทางสะดวกเจาะกลุ่มซื้ออยู่จริง

ผู้ประกอบการบุก ตลาดแนวราบ รับครึ่งปีหลัง 2564 เน้นราคาเข้าถึง-เดินทางสะดวกเจาะกลุ่มซื้ออยู่จริง

เพราะการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เน้นโปรโมชั่นระบายสต็อกโครงการต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่ยังช่วยให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปต่อได้

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดการณ์ภาพรวมตลาดแนวราบอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง 2564 บางราย ยังคงเน้นตลาดแนวราบ ราคาที่เข้าถึงได้ อยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก แม้ว่ากำลังซื้อจะมีอย่างจำกัด แต่ก็มีแรงกระตุ้นจากปัจจัยดอกเบี้ยและราคาที่อยู่ในระดับต่ำ โดยบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีสัดส่วนสูงที่สุดในตลาด สถานการณ์ตลาดบ้านเดี่ยวจะปรับตัวได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อในตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวต่อเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการว่างงานและ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงสถาบันการเงินมีความเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการซื้อบ้านซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ทำให้ผู้ประกอบการยังคงกระตุ้นการตัดสินใจซื้อด้วยการจัดโปรโมชั่น จูงใจผู้บริโภคที่มีศักยภาพ หรือเจาะกลุ่มที่ยังมีรายได้ประจำที่ค่อนข้างมั่นคง และเน้นการระบายสินค้าคงค้างมากกว่าการเปิดโครงการใหม่คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2563 หรืออาจจะมากขึ้นเล็กน้อย

ส่วนทาวน์โฮม มองว่าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะขยายตัวเล็กน้อย กำลังซื้ออาจจะลดลง เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และจากมาตรการ LTV ยังคงเข้มงวดในสัญญาที่ 2 ขึ้นไป แต่สำหรับผู้ซื้อใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาทอาจจะมีการผ่อนปรนบ้าง ขณะเดียวกัน อุปทานต้องรอการระบายในหลายพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ผู้ประกอบการควรออกโครงการใหม่ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 69% ของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างทั้งหมด

ด้าน DDproperty Thailand Property Market Index มองเช่นเดียวกันว่า ผู้ประกอบการเน้นที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน และรักษาระยะห่างกับสังคม ทำให้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยพบว่า ดัชนีราคาปรับเพิ่มขึ้นถึง 8% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา สวนทางกับดัชนีราคาคอนโดมิเนียมที่ปรับตัวลดลงถึง 8% ในรอบปี และลดลง 12% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนอุปทาน แม้ว่าคอนโดมิเนียมจะมีสัดส่วนมากที่สุดอยู่ที่ 88% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพฯ แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเพียง 10% ต่างจากจำนวนอุปทานบ้านเดี่ยวที่เพิ่มขึ้น 12% และทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ปัจจัยจากการพัฒนาระบบขนส่งทั้งเส้นทางปัจจุบันและแผนในอนาคต ส่งผลให้เกิดการกระจายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นอกเขต CBD และกรุงเทพฯ รอบนอกมากขึ้น เช่น เขตทวีวัฒนา มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน ซึ่งบ้านเดี่ยวมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 15% ในขณะที่เขตตลิ่งชัน มีดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน โดยบ้านเดี่ยวมีดัชนีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ 3% มาจากรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่คาดว่าเปิดให้บริการในเดือนพ.ย. 2564

ขณะที่ นายธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อสังหาริมทรัยพ์แนวราบ หรือ บ้านจัดสรร ชะลอตัวชั่วคราว คาดว่าหลังเหตุการณ์โควิดรอบใหม่นี้คลี่คลาย ลูกค้าจะกลับมาซื้อปกติ เพราะก่อนเกิดโควิด-19 รอบ 3 ตลาดบ้านแนวราบกำลังไปได้ดีมากกว่า 2 ไตรมาสที่ผ่านมา เพราะเป็นกลุ่มคนซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ได้ซื้อปล่อยเช่าหรือเก็งกำไรเหมือนคอนโดมิเนียม