เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานปี 2563 ยังคงรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงกว่า 90% ในทุกอาคาร จากการขยายพอร์ตธุรกิจครอบคลุมทั้ง มิกซ์ยูส อาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม และพื้นที่จัดประชุมสัมมนา ทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายด้านเศรษฐกิจ แม้โรงแรม และพื้นที่จัดประชุมสัมมนาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และความไม่แน่นอนต่างๆ แต่อาคารสำนักงานยังคงประคองให้พอร์ตธุรกิจคอมเมอร์เชียลแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นการรักษาฐานผู้เช่าปัจจุบันและเพิ่มมาตรการและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
วิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ปี 2563 เป็นปีที่เราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลกระทบเป็นกว้าง สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม พื้นที่จัดประชุมสัมมนา และศูนย์การค้าได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการต้องหันมาทบทวนและปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่บริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทฯ มีพอร์ตอาคารสำนักงานกว่า 209,000 ตร.ม. โดยสิ่งที่บริษัทฯ ทำตลอดปีที่ผ่านมา สำหรับอาคารสำนักงาน คือ การบริหารจัดการทรัพยากรและต้นทุนภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนเตรียมความพร้อมเพื่อจะรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”
ภาพรวมตลาดอาคารสำนักงานปี 2563 ความต้องการเช่าหรือขยายพื้นที่สำนักงานรวมลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับ 1-2 ปีก่อน (2561-2562) แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตราการเช่าได้เฉลี่ยสูงกว่า 90% ซึ่งเป็นผลมาจากทุกอาคารของบริษัทฯ เป็นอาคารคุณภาพเกรด A ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจ อาทิ เพลินจิต สาทร พระราม 4 และสามย่าน และมีกลยุทธ์ในการเลือกผู้เช่ากระจายสัดส่วนในหลายธุรกิจ ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเท่านั้น แม้บริษัทยังไม่ได้รับสัญญาณการขอลดพื้นที่หรือยกเลิกการเช่า แต่บริษัทฯ ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบหากเกิดการลดพื้นที่ของผู้เช่าและธุรกิจซึ่งเป็นผู้เช่าของบริษัท
ในปีที่ผ่านมา บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) มีการปรับรูปแบบการดำเนินงาน 2 เรื่อง ได้แก่รักษาฐานผู้เช่าปัจจุบัน เน้นสร้างความสัมพันธ์ และสร้างความเชื่อมั่นในด้านการให้บริการกับผู้เช่า บริษัทฯ ดำเนินการรักษาฐานผู้เช่า ด้วยการจัดลำดับค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม โดยมีการเข้าไปพูดคุยกับผู้เช่าทุกรายเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และมาตรการต่างๆ ที่ทางบริษัทฯ บริหารจัดการเพื่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางการเงินของผู้เช่าอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนี้บริษัทฯ ไม่คิดค่าเช่าและค่าบริการในธุรกิจที่ถูกสั่งปิดตามประกาศจากภาครัฐ และมีการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม จัดลำดับความสำคัญของงบประมาณ ปรับลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น และเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัย
บริษัทฯ ลดงบประมาณด้านการตลาดและเพิ่มงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพและความปลอดภัย โดยงดเว้นการจัดกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มคน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล ลดความหนาแน่นของผู้ใช้บริการ และนำงบประมาณดังกล่าวมาเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัย อาทิ การลงทุนในอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์ และเพิ่มความถี่การทำความสะอาดจุดสัมผัสทั้งหมดทุกชั่วโมง ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่มีนโยบายลดพนักงาน แม้จะมีบางโซนหรือบางพื้นที่ถูกภาครัฐประกาศให้ปิดกิจการในช่วงล็อคดาวน์
ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ประเทศไทย มีพื้นที่สำนักงานที่อยู่ภายใต้การดูแล รวมทั้งสิ้น 5 อาคาร ได้แก่ อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ อาคารโกลเด้นแลนด์ และภายใต้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT) ได้แก่ อาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเชอร์ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 209,000 ตารางเมตร มีพนักงานของบริษัทฯ ผู้เช่าชั้นนำในประเทศไทยและต่างประเทศกระจายในหลากหลายธุรกิจซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 20,000 คนต่อวัน นับเป็นผู้นำกลุ่มพัฒนาพื้นที่สำนักงานลำดับต้นๆ ของประเทศ
“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดกับผู้เช่าพื้นที่สำนักงาน นอกจากมีมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในอาคารสำนักงาน ยังเข้าไปดูแลผู้เช่าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เช่าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ พร้อมสร้างความมั่นใจว่าผู้เช่าและผู้ปฎิบัติงานภายในอาคารจะได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าและการรักษาฐานผู้เช่าปัจจุบัน ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ ที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง จึงทำให้บริษัทฯสามารถรักษารายได้ และดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงท่ามกลางวิกฤตและความผันผวน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีอัตราการเช่าพื้นที่ทดแทน (Replacement) ที่ดี แม้มีผู้เช่าย้ายออกก็สามารถหาผู้เช่าทดแทนได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพื้นที่สำนักงานของบริษัทฯ ล้วนเป็นอาคารเกรด A และตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT จึงเป็นที่ต้องการของผู้เช่าที่มองหาอาคารที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานอยู่เสมอ” นายวิทวัส กล่าวทิ้งทาย