ทุ่มเงินลงทุนสูงที่สุดในไทย เนรมิต ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ อาคารศูนย์การเรียนรู้สุดอลังการ มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท จัดแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดโครงการ ผ่าน Immersive Experience ที่ออกแบบโดยผู้ออกแบบ experience ระดับโลก
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกาศความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มูลค่า 125,000 ล้านบาท โดยจะเป็นโครงการเมืองแห่งแรกในโลกออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้นอย่างแท้จริง งานสาธารณูปโภคและอุโมงค์คืบหน้าไปแล้ว ถึง 95% และกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการพักอาศัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยขณะนี้ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ มียอดจองที่วางเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่าขายกว่า 4,000 ล้านบาท แม้ว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั้งในเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจก็ตาม ผู้พัฒนาโครงการได้ทุ่มเงินลงทุนจำนวนมหาศาล กว่า 1,400 ล้านบาท สร้าง ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’ อาคารศูนย์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่อลังการเพื่อจัดแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดของ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ผ่านการถ่ายทอดแบบ Immersive experience จากผู้ออกแบบ experience ระดับโลก โดยขณะนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564
โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ที่มุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์และขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่ Family Center สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ของครอบครัว และพื้นที่ Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด และหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการคือ ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และองค์ประกอบหลายๆ ส่วนในโครงการ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ถือเป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง ที่ได้รับการออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่เป็นสถาบันชั้นนำระดับโลกและสถาบันชั้นนำของประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกองค์ประกอบของโครงการจะส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ปัจจุบัน การก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ แม้ว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั้งในเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจก็ตาม เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ภาคเอกชนมีต่อเศรษฐกิจและอนาคตของประเทศไทย โดยการตัดสินใจของ MQDC ที่จะพัฒนาโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ด้วยวิสัยทัศน์การสร้างโครงการเมืองแห่งแรกในโลกที่ทุกมิติถูกออกแบบโดยเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์หลักอย่างเดียวคือส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น เป็นบทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และเห็นความสำคัญในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี”
นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า “เราได้ทุ่มเงินลงทุนจำนวนมหาศาล กว่า 1,400 ล้านบาท สร้าง ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตในโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ด้วยตนเอง นับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ที่ผู้พัฒนาโครงการได้ทุ่มงบประมาณสร้างอาคารสำหรับจัดแสดงห้องตัวอย่างของโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ตลอดจนทำให้ผู้มาเยี่ยมชมได้เรียนรู้ เข้าใจวิสัยทัศน์ และสัมผัสประสบการณ์ทั้งหมดของโครงการ ในฐานะโครงการเมืองที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น”
‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’ มีพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ ประมาณ 6,500 ตารางเมตร โดยเกิดจากการผนึกกำลังความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นที่สุดของโลกในด้านต่างๆ อาทิ Foster + Partners Thailand บริษัทสถาปนิกระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบอาคารฟอเรสต์ พาวิลเลียน ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ Entertainment Experience ให้กับ ดิสนีย์แลนด์, ดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เป็นผู้ออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ, VAVE Studio จากประเทศเยอรมัน เป็นผู้ออกแบบ Exhibition experience and Story creator แต่ละห้องภายใน ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’, และ BUG Studio บริษัทชื่อดังของไทย เป็นผู้ออกแบบ multi-disciplinary design เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน หนึ่งในไฮไลท์ภายใน ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ คือ ห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า Chamber of Secret ที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ของโครงการผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่สร้างสรรค์โดยบริษัท DEC Media แสดงบนจอ The Wall ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน โดย The Wall เป็นหน้าจอแบบไมโครแอลอีดี (microLED) ที่สามารถถ่ายถอดที่สุดแห่งประสบการณ์ล้ำสมัยของการรับชมภาพด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยเพิ่มความคมชัดเพื่อมอบประสบการณ์แบบเหนือจริงให้แก่ผู้ชม
นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า “ปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น คือ การได้อยู่ใกล้ชิดกันกับสมาชิกในครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่นและคนที่รัก ดังนั้นหนึ่งในนวัตกรรมการออกแบบที่สำคัญที่สุดของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือ วิธีการออกแบบและวางผังองค์ประกอบของพื้นที่ที่อยู่อาศัยทั้งหมด และองค์ประกอบต่างๆ โดยรอบโครงการ ให้มีพื้นที่ที่ตอบสนองความต้องการของคนแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นวัยเริ่มต้นทำงาน คู่สมรสใหม่ วัยสร้างครอบครัว หรือพ่อแม่สูงวัย ให้แต่ละช่วงวัยสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีอิสระและมีพื้นที่ส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่ต่างๆ ของคนทุกช่วงวัย จะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างกลมกลืน และปลอดภัย เป็นการเอื้ออำนวยให้สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นได้มาอยู่ใกล้ชิดกันได้เป็นอย่างดี”
‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ อาทิ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ และโรงแรมแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังมีอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ป่าขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ครอบคลุมพื้นที่ใจกลางของโครงการ เป็นการนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชนและพื้นที่ที่เป็นเมือง ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับความมหัศจรรย์อันหลากหลายของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ส่งมอบการมีสุขภาพดีและความสุขให้กับผู้คน “ถือเป็นครั้งแรกในโลก ที่ผืนป่าขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกนำมาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง” นายกิตติพันธุ์ กล่าว