• 24 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

มั่นคงฯ แจงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี’ 63 ยอดรายได้ขายบ้านเพิ่ม 43%

มั่นคงฯ แจงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี’ 63 ยอดรายได้ขายบ้านเพิ่ม 43%

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินงาน ครึ่งปีแรกของปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563) ว่า บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวมจากการขายและบริการได้ 846.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 711.59  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2 % จากไตรมาสแรกที่มีอยู่ 496.92 ล้านบาท ส่วนธุรกิจให้เช่าและบริการ (Recurring Income) มีรายได้ 112.32 ล้านบาท ล่าสุดยังสามารถจัดตั้ง กองทรัสต์  พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT) มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจากสัญญาณบวกของธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้

“แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา ยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ภาครัฐมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ แต่รายได้ของบริษัทฯ ก็ยังคงเติบโตได้อย่างน่าพึงพอใจ โดยจะเห็นได้ว่ารายได้รวมไตรมาส 2 ของปีนี้นั้นเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 32% ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ทั้งในด้านการปรับกลยุทธ์การขายและการสื่อสารการตลาด โดยการนำเสนอสินค้าแบบออนไลน์ เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดเตรียมข้อมูลทางการเงินอย่างรัดกุม การพัฒนาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีมาอย่างต่อเนื่องในยุค New Normal ส่งผลให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปีนี้มีแนวโน้มที่ดีกว่าเดิม”

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า “ในขณะเดียวกันธุรกิจให้เช่าและบริการของกลุ่มบริษัทก็ยังคงมีอัตราการเติบโต เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างน้อยมาก โดยในไตรมาสนี้มีรายได้จากการให้เช่าและบริการพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานของ โครงการ บางกอก ฟรีเทรด โซน ภายใต้ การดำเนินงาน “บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” จำนวน 99.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วง ไตรมาสแรกของปีเดียวกัน คาดการณ์พัฒนาโครงการแล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า และที่สำคัญยังสามารถจัดตั้ง กองทรัสต์ PROSPECT มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ได้เป็นผลสำเร็จ” 

จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานในแต่ละธุรกิจหลักนั้นมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งนี้สืบเนื่องจากแผนธุรกิจ 5 ปีที่มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบของสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีการจัดการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และสำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง นายวรสิทธิ์ กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนกระจายรายได้ของบริษัทให้มีสัดส่วนระหว่างธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อการขาย กับเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรที่ 50:50 ภายในปี 2564 ซึ่งจากผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน”