รัฐเตรียมชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหวังฟื้นวิกฤติโควิด-19
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีบางส่วนลาออกจากตำแหน่งไปก็ทำให้ใครหลายๆคน รวมไปถึงนักวิชาการต่างๆกังวลว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเดินหน้าต่ออย่างไร เพราะหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้มีคนตกงานถึง 8.4 ล้านคนแล้ว (ข้อมูลจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสศช.)
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจช่วงปลายปีค่อนข้างน่าเป็นห่วง ทางรัฐบาลอยู่ในระหว่างการวางแผนการบริหารเศรษฐกิจ และการหาวงเงินงบประมาณเหลือใช้นำมาอัดฉีดการใช้จ่ายภาครัฐ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2562 (ก.ค.-ก.ย. 2562) ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้ เสนอ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่พิจารณา เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการบริโภค และจะทำการเบิกจ่ายงบประมาณประจำ งบประมาณการลงทุนที่มีการผูกพันสัญญาไว้แล้วของปีงบประมาณ 2562 ไปก่อน
ส่วนด้านภาคเอกชน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 มีความไม่แน่นอนสูง จากโควิด-19 จึงส่งผลให้มีการ ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ลงมาอยู่ที่ติดลบ 5-8% จากติดลบ 3-5% และปรับลดคาดการณ์การส่งออกมาเป็นติดลบ 7-10% จากติดลบ 5-10% และยังปรับลดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมาที่ติดลบ 1.5% – 1% จากเดิมติดลบ 1.5% – 0%
นอกจากนี้ กกร. มองว่าหากจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ามาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 และการอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาท จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ดูเหมือนว่าการฟื้นเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2563 คงต้องรอท่าทีของรัฐบาลว่า ทีมเศรษฐกิจใหม่ที่เข้ามาจะมีมาตรการอะไรช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง นอกจากการใช้นโยบายการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล และการใช้เงินกู้อัดฉีดระบบเศรษฐกิจ
