ครึ่งปีหลังคาดตลาดวัสดุก่อสร้างทรงตัว หลังติดลบ 2 % จากที่ดินราคาแพง
การเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่กินเวลามากว่า3 เดือนสุดท้ายได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อย แต่สิ่งสำคัญที่ตอนนี้หลายคนคาดหวังให้รีบแก้ปัญหาคือเศรษฐกิจของประเทศที่ขณะนี้จะแย่ลงไปอีก แล้วในมุมเอกชนอย่างตลาดวัสดุก่อสร้างจะเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังอย่างไร หลังจากรัฐบาลเปิดประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ต่างประเทศสามารถเข้ามาร่วมประมูลได้ก็ดูเหมือนว่า จีนก็กวาดงานไปหลายชิ้นตั้งแต่รถไฟยันถนนหนทาง ซึ่งไม่ใช่แค่รับเหมาที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ตลาดวัสดุก่อสร้างก็กระทบ เพราะจีนมีต้นทุนด้านวัสดุก่อสร้าง คนงานที่ถูกกว่า มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากการสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจของจีนหรือรัฐบาลจีนถือหุ้นรายละ 30% ของบริษัทรับเหมา หากบริษัทรับเหมาจีนประมูลชนะ รัฐวิสาหกิจของจีนสนับสนุนงบลงทุนให้อีกไม่ต่ำกว่า12% งานนี้จึงไม่แปลกที่จีนจะชนะการประมูลไปอย่างง่ายดาย
นายธงชัย โสภณ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดวัสดุก่อสร้างในกลุ่มที่อยู่อาศัยของไทย มีมูลค่า ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นตลาดบ้านสร้างใหม่ประมาณ 70% และ ตลาดบ้านซ่อมแซมประมาณ 30% ซึ่งแนวโน้มในการเติบโตของบ้านเดี่ยวมีจำนวนลดลง แต่กลุ่มคอนโดฯ และกลุ่มทาวน์เฮาส์กลับเติบโต เนื่องราคาที่ดินมีการปรับตัวที่สูงขึ้น จึงทำให้กลุ่มวัสดุด้านโครงสร้างและเหล็กยังอยู่ในระดับทรงตัว คาดการณ์ทั้งปีตลาดวัสดุก่อสร้างอาจเติบโตลดลง 2-3% ขณะที่ตลาดวัสดุก่อสร้างประเภทกลุ่มหลังคาอาจเติบโตลดลง 2-3% ปัญหานี้คงเป็นโจทย์ท้าทายรัฐบาลชุดใหม่แล้วว่าจะทำยังไงให้ภาคธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไทยอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ตรึงทั้งภายในและภายนอก เพราะหากรับเหมาก่อสร้างไทยล้มยังมีอีกหลายธุรกิจที่เกี่ยวพันจะล้มตามเป็นขบวนทีเดียว