อยากซื้อบ้าน ต้องมีเงินเท่าไหร่?
การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ถือเป็นการลงทุนซื้อที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี รวมไปถึงมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือแอลทีวีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำให้การกู้สินเชื่อยากกว่าเดิม ตลอดจนกู้ไม่เต็มจำนวน 100% ของราคาอสังหาฯ ทำให้ต้องวางแผนในการซื้อให้รัดกุมยิ่งขึ้น
โดยข้อมูลจากธนาคารกรุงศรี ให้คำแนะนำในการกู้สินเชื่อไว้ว่า ผู้ซื้ออสังหาฯ ควรมีเงินขั้นต่ำที่ควรมีก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน คือ 25% ของราคาอสังหาฯ ซึ่งเงินจำนวนนี้ควรคิดเผื่อกรณีที่สถาบันการเงินให้วงเงินได้ต่ำสุด คือ 80% ของราคาประเมินหรือราคาดาวน์ที่สูงที่สุดถึง 20% แต่ถ้าหากสถาบันการเงินหรือธนาคารให้วงเงินเราได้มากกว่า 80% ก็เท่ากับว่าสามารถกู้ได้มากขึ้น เงินก้อนแรกที่ต้องมีก็จะลดลง เช่น ธนาคาร A ให้กู้ได้ 90% เงินต้นที่เราควรมีก็จะลดเหลือ 15% ของราคาบ้าน ดังนั้นหนึ่งในเกณฑ์การพิจารณาเลือกกู้สินเชื่อจากที่ใดก็คือการดูว่าที่ใดให้วงเงินได้ตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการเลือกระยะเวลาในการผ่อนชำระ โดยสินเชื่อที่ให้ระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานที่สุดคือ 30 ปี ขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ว่าจะต้องชำระเสร็จเมื่ออายุเท่าไหร่ ระยะเวลาการผ่อนที่ยาวนานก็เท่ากับค่าดอกเบี้ยที่ต้องเสียมากขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแผนการผ่อนชำระที่เอื้อต่อรายได้ของผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาผ่อน 10 ปี 20 ปี หรือ30 ปี ที่ต้องคำนวณการผ่อนชำระในแต่ละเดือนให้ดี นอกจากนี้ต้องคำนวณดอกเบี้ยทั้งหมดของธนาคารที่ยื่นกู้ว่าธนาคารคุ้มค่าในการผ่อนชำระมากกว่ากัน
นอกจากนี้ยังต้องสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน และค่าจดทะเบียนการจำนอง 1% แต่อย่างไรก็ตามภาครัฐได้ออกมามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับอสังหาฯ ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทไปจนถึง 31 พ.ค. 2563 หากใครที่ซื้ออสังหาฯ ในราคาที่ไม่เกิน 1 ล้านบาทก็จะช่วยลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงได้ แต่ใครที่ซื้ออสังหาฯ ที่มีราคาเกิน 1 ล้านบาท ก็ต้องเตรียมเงินในส่วนดังกล่าวไว้เช่นเดิม ทั้งยังต้องเตรียมเงินสำรองไว้ในส่วนของการตกแต่งบ้านหรือคอนโดฯ ที่ซื้อ หากโครงการไม่ได้แถมเฟอร์นิเจอร์มาให้ หรือให้มาเพียงมาส่วน การวางแผนการเงินที่ดีในการซื้ออสังหาฯ ย่อมมีประโยชน์ต่อการบริหารเงินในกระเป๋าของเราเองมากที่สุด