“แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น” ต่อยอดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เปิดศูนย์กระจายสินค้าหลัก แอลฟา รังสิต
นายปธาน สมบูรณสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด หรือ ALPHA ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร ภายใต้การร่วมทุนระหว่างบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่เดินหน้าพัฒนาคลังสินค้าในทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ ทั่วประเทศ พื้นที่รวม 1 ล้าน ตร.ม. โครงการคลังสินค้าของบริษัททยอยก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด โครงการคลังสินค้าแอลฟา รังสิต (Alpha Rangsit) หนึ่งในโครงการร่วมทุนพัฒนากับ บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด พันธมิตรยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น ก็ก่อสร้างแล้วเสร็จ เริ่มเปิดดำเนินการสำหรับกลุ่มคลังสินค้าที่พัฒนาตามความต้องการของผู้เช่า (Built-to-Suit Warehouse) แล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้เป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 3/2566
“รังสิต คือทำเลยุทธศาสตร์สำหรับการขนส่งสินค้าของหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อีคอมเมิร์ซ ชิ้นส่วนยานยนต์ วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เชื่อมโยงไปสู่พื้นที่ตัวเมือง ตลอดจนภาคเหนือและภาคอีสาน เราจึงเลือกพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพนี้ พร้อมทั้งออกแบบให้ แอลฟา รังสิต มีโซลูชั่นและฟังก์ชันครบวงจร ตอบโจทย์กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว รองรับทุกกิจกรรมในการบริหารจัดการคลังสินค้า เพื่อกระจายสินค้าสู่ End user หรือผู้บริโภคได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานในคลังสินค้าให้มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย ตามวิสัยทัศน์ของเรา Complete Your Solutions เติมเต็มโซลูชั่นคลังสินค้าของลูกค้าให้สมบูรณ์ในทุกทำเลศักยภาพ” นายปธาน กล่าว
นายแทน จิตะพันธุ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด หรือ ALPHA กล่าวว่า โครงการแอลฟา รังสิต ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ บนถนนพหลโยธิน กม.33 มีพื้นที่รวมกว่า 87,000 ตร.ม. คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 56,000 ตร.ม. แบ่งเป็นคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit Warehouse) 62% และคลังสินค้าสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน (Ready-Built Warehouse) 38% โดยมีนวัตกรรมการออกแบบที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของลูกค้า อาทิ การออกแบบให้มีประตูเปิด 3 ด้าน การออกแบบ Floor Loaded ให้รองรับน้ำหนักได้ถึง 5 ตันต่อ ตร.ม. การออกแบบฟังก์ชันและตกแต่งพื้นที่ออฟฟิศให้มีบรรยากาศน่าทำงาน และเป็นออฟฟิศ 3 ชั้น ปัจจุบัน มียอดผู้เช่าส่วน Built-to-Suit ครบ 100% แล้ว และพร้อมให้เช่าสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่ต้องการคลังสินค้าสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน (Ready-Built Warehouse)
“นอกเหนือจากโซลูชั่นพื้นฐานแล้ว เรายังทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าที่ต้องการสร้างคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ด้วย เพื่อให้ได้โซลูชั่นที่ตอบโจทย์การปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์ เช่น ที่โครงการแอลฟา รังสิต เราได้ทำงานใกล้ชิดกับทาง SCG HOME ที่เข้ามาเช่าพื้นที่คลังสินค้า Built-to-Suit ถึง 22,000 ตร.ม. ภายในโครงการออกแบบโซลูชั่นให้เป็นไปตามต้องการ เช่น การวางระบบจัดเก็บสินค้าแบบวีเอ็นเอ หรือ Very Narrow Aisle Racking System เพื่อให้สามารถวางของแนวสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยยังสามารถเข้าถึงชั้นวางได้ง่าย” นายแทน กล่าว
นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจีโฮม รีเทล จำกัด กล่าวว่า SCG HOME ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน สินค้าฮาร์ดแวร์ และ DIY ที่ครอบคลุมทุกความต้องการในการทำบ้าน ปัจจุบันมีสาขารวมกัน 33 สาขา เพื่อรองรับความต้องการด้านการก่อสร้าง ปรับปรุงและตกแต่งบ้านที่มีแนวโน้มเติบโต SCG HOME จึงมองหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่พร้อมรองรับการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
“เมื่อจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ คือคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม เพราะจะช่วยให้สินค้าไปถึงมือผู้บริโภคในทุกภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วที่สำคัญ ต้องมีโซลูชั่นสามารถรองรับการจัดเก็บสินค้าที่มีน้ำหนัก และมีขนาดหลากหลายของเราได้อย่างครบถ้วน แอลฟา รังสิต เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมและสามารถพัฒนาโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ เราจึงตัดสินใจเลือกปักหมุดศูนย์กระจายสินค้าหลัก หรือ National Distribution Center ของเราที่นี่” นายปรเมศวร์ กล่าว
นายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ กรรมการ บริษัท เอสซีจีโฮม รีเทล จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานใกล้ชิดกับทีมงานแอลฟา เพื่อพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ ซึ่งต้องรองรับการวางระบบที่ทาง SCG HOME ได้นำเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ระบบการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage/Retrieval System หรือ AS/RS) โดยทีมงานแอลฟา สามารถเตรียมโซลูชั่นและฟังก์ชันพื้นฐานได้เป็นอย่างดี สามารถใช้จัดเก็บสินค้าได้มากกว่า 32,000 พาเลท พร้อมสนับสนุนการขนส่งสินค้าให้กับสาขาต่างๆ ตลอดจนรองรับการขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต
“สินค้าที่จะจัดส่งออกจากศูนย์นี้ ได้แก่ หลังคาและวัสดุก่อสร้าง กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ ห้องครัว และสินค้าฮาร์ดแวร์และเครื่องใช้ในบ้าน โดยจะมีการกระจายขนส่งไปสู่ร้านค้าสาขา ตลอดจนเป็นทำเลขนส่งสินค้าระยะสุดท้ายสู่มือผู้บริโภค หรือ Last Mile Transportation นอกจากนั้นยังเป็นจุดบริการรับสินค้าด้วยตนเอง (Click&Collect) จากการสั่งซื้้อสินค้าผ่าน www.scghome.com หรือ SCG Home Application” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว