• 22 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

“เดอะเนสท์” จับมือ KRD อสังหาฯ ญี่ปุ่น เปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 3,900 ลบ.

“เดอะเนสท์” จับมือ KRD อสังหาฯ ญี่ปุ่น เปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 3,900 ลบ.




“เดอะเนสท์” เปิดแผนปี 66 จับมือ KRD ยักษ์อสังหาฯ ญี่ปุ่นเปิดตัว 2 โครงการใหม่ กลุ่มบ้าน Luxury ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 3,900 ลบ.



นางสาวอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2566 ว่า โดยรวมแล้วตลาดอสังหาฯ น่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีแรงหนุนจากปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังไหลมาลงทุนในไทยผ่านตลาดทุนและการลงทุนในกลุ่มเรียลเซ็กเตอร์ต่างๆ ประกอบกับจีนมีนโยบายเปิดประเทศ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักมากขึ้นอีกครั้ง ปัจจัยบวกเหล่านี้จะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน “เราทำธุรกิจต้องมองทั้งมุมบวกและมุมลบเพื่อประกอบในการกำหนดนโยบาย และปีนี้เรายังคงเชื่อมั่นและร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” นางสาวอุษณา กล่าวพร้อมกับขยายความว่า “หากภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นบริษัทฯ เชื่อว่ายอดขายอสังหาฯ ตัวเลขจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันความต้องการ (Demand) ซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบของผู้บริโภคในประเทศเองก็แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนภาพได้จากยอดขายบ้านแนวราบของบริษัทฯ ที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงผลประกอบการด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงปี 2565 ของผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ”












ส่วนนโยบายการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นั้นนางสาวอุษณา กล่าวว่า “บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ หรือกลุ่มบ้าน Luxury พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ในทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานมาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยการเปิดบ้านแนวราบในกลุ่มบ้าน Luxury โซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีการเติบโตทางการตลาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในพื้นที่อย่างชัดเจน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น คือบริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Kanden Realty Development :KRD) โดยปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่อีก 2 โครงการรวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท และหากรวมกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา โครงการนำร่องที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2565 จะมีโครงการมูลค่ารวมสูงถึง 6,400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดโครงการได้กระแสตอบรับที่ดีมากสำหรับกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 30-40 ปี  ที่ต้องการขยายครอบครัวออกมา  พร้อมกับต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันหลากหลายปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้ชีวิตอยู่อาศัย”






ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่เตรียมเปิดในปีนี้ เป็นบ้านเดี่ยวอยู่โซนศรีนครินทร์และกรุงเทพกรีฑา โดยโครงการแรก พัฒนาภายใต้ชื่อ “เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” (AVIAN Srinakarin-Krungthepkreetha) เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นตั้งอยู่บนเนื้อที่ 42-0-54 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต แต่ละยูนิตตั้งอยู่บนเนื้อที่ตั้งแต่ 50.37-111.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 230-290 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,700 ล้านบาท โครงการนี้อยู่ติดถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลายและจุดเด่นที่ทุกคนจะต้องประทับใจ อีกทั้งยังมีความคุ้มค่าเรื่องราคา ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว ราคาเปิดตัวเพียง 12.9 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับดีเหมือนกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ส่วนโครงการที่ 2 พัฒนาภายใต้ชื่อ “แอร์รี่ ศรีนครินทร์-สวนหลวง” (AERIE Srinakarin–Suan Luang) พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดิน 9-2-25 ไร่ จำนวน 43 ยูนิต แต่ละยูนิตตั้งอยู่บนเนื้อที่ตั้งแต่ 52.8-74.22 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 313-370 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในไตรมาส 4 มูลค่าโครงการประมาณ 1,200  ล้านบาท







นางสาวอุษณากล่าวว่า “ตลาดกลุ่มบ้าน Luxury ที่มีระดับราคาช่วง 20-40 ล้านบาท จากการสำรวจตลาดของทีม Research ข้อมูล พบว่ายังมีซัพพลายเหลืออยู่ในตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดบ้านกลุ่มนี้พร้อมออกแบบบ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว และให้มีความโดดเด่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อาทิ พื้นที่จอดรถสามารถรองรับได้ถึง 3-5 คัน  มี Foyer ต้อนรับ พร้อมพื้นที่จัดเก็บรองเท้าแบ่งเป็นสัดส่วน, ห้องครัวขนาดใหญ่พร้อมพื้นที่ส่วน Pantry, ห้องทำงาน Multi-Purpose Room, มีห้อง Laundry room ที่อยู่บนชั้น 3 ตลอดจนการออกแบบพื้นที่รองรับการติดตั้ง Home Lift ได้ทุกหลัง และยังโดดเด่นด้วย Space Inner Courtyard เชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ในบ้านและธรรมชาติภายนอก”







“บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงการเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพในทุกๆ ด้าน ไม่ใช่แค่เพียงงานก่อสร้างหรือวัสดุที่มีคุณภาพเท่านั้น ในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย การออกแบบฟังก์ชันห้อง ก็ต้องมีคุณภาพ เพราะในเชิงการอยู่อาศัย ทุกตารางนิ้วต้องใช้งานได้จริงและเหมาะกับผู้อยู่อาศัยด้วย ทั้ง 2 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้เป็นการตอกย้ำว่า KRD เป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและความเป็นมืออาชีพของทีมงาน The Nest Property พร้อมกันนี้ KRD พร้อมที่จะใส่เม็ดเงินเข้ามาเพิ่มเพื่อเตรียมจะซื้อที่ดินแปลงใหม่รองรับแผนการลงทุนในปีถัดไปเช่นกัน” นางสาวอุษณากล่าว






นายเคนอิจิ ฟูจิโนะ ประธานกรรมการ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ KRD กล่าวว่า “แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากราคาเหล็กที่พุ่งสูงขึ้น แต่เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางสำหรับชาวจีน จะนำไปสู่การฟื้นตัวต่อไปของเศรษฐกิจไทยกับการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ เรารู้สึกเสมอว่าพันธมิตรของเราอย่าง The Nest Property เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ โดยเห็นได้จากความร่วมมือทางธุรกิจของเราที่โครงการคอนโดมิเนียม 125Sathorn ที่ประสบความสำเร็จจนเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงโครงการ AERIE ที่อยู่ริมถนนกรุงเทพกรีฑายังได้รับความนิยมและมียอดจองจำนวนมาก ในฐานะบริษัทญี่ปุ่น เรามีความยินดีที่ลูกค้าชาวไทยเลือกโครงการของเรา”  นายเคนอิจิ ฟูจิโนะ กล่าว พร้อมกันนี้ยังกล่าวต่ออีกว่า “บริษัท คันเดน เรียลตี้ฯ พร้อมที่จะขยายการร่วมทุนกับพันธมิตรอย่าง The Nest Property หวังว่าสองแบรนด์ทั้ง “AERIE” และ “AVIAN” ที่เปิดตัวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคคนไทย













KRD ในฐานะกลุ่มบริษัทพลังงานแบบครบวงจรรายใหญ่ในญี่ปุ่น ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังดำเนินการเกี่ยวกับ “Zero Energy House” ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยประเภทประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเราจะยังคงแบ่งปันความรู้ให้กับพันธมิตร The Nest Property เพื่อส่งมอบ และพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคของประเทศไทย รวมถึงได้เลือกผลิตภัณฑ์หลายรายการจากผู้ผลิตญี่ปุ่น อีกทั้งได้ว่าจ้าง ALSOK ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยรายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับโครงการ AERIE นับเป็นครั้งแรกที่ ALSOK ให้บริการรักษาความปลอดภัยสำหรับที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัท ALSOK Thai Security Service”







นางสาวอุษณา ยังกล่าวในตอนท้ายว่า “สำหรับปี 2566 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,700 ล้านบาท โดยมีโครงการที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือ โครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ซึ่งในปีนี้จะมีการทยอยสร้างบ้านเสร็จออกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 60 ยูนิต ซึ่งมีลูกค้าจองไปแล้วประมาณ 40%  ขณะที่โครงการใหม่อีก 2 โครงการ ที่จะเปิดในปีนี้ จะเป็นบ้านที่ทยอยสร้างเสร็จพร้อมขายและพร้อมโอนเช่นเดียวกัน”