• 22 พฤศจิกายน 2024
  • Thailand

“เซ็นทรัลพัฒนา” เผยแผน 5 ปี ขยายเพิ่ม 50 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ลบ.

“เซ็นทรัลพัฒนา” เผยแผน 5 ปี ขยายเพิ่ม 50 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ลบ.



“เซ็นทรัลพัฒนา” เผยแผน 5 ปี ขยายเพิ่ม 50 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 5,500 ลบ. เป้ารายได้ 3,000 ลบ.  พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ปี 65  รวม 6 โครงการ


นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ปีนี้เซ็นทรัลพัฒนาได้เน้นย้ำการเป็น Retail-Led Mixed-Use Developer ของเราด้วยแผนลงทุนต่อเนื่อง 120,000 ล้านบาท ใน 5 ปี สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจหลักคือ Residential โครงการที่อยู่อาศัย เป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนา โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท และภายในปี 2569 ธุรกิจ Residential จะขยายเพิ่มกว่า 50 โครงการ และเติบโตอย่างยั่งยืนไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ทำให้ในอนาคต เราจะมีโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุม 27 จังหวัด มากกว่า 70 โครงการ และมีลูกบ้านเซ็นทรัลกว่า 20,000 ครอบครัว”









“ในฐานะที่เซ็นทรัลพัฒนามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี เราต้องการสร้างมาตรฐานโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพทั่วประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด เป็น ‘The Ecosystem of Quality Living’ ทั่วประเทศ ด้วย Market Insight ที่เรามีทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในโลเคชั่นต่างๆ เป็นอย่างดี จึงสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้คนได้หลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นของเซ็นทรัลพัฒนา หรือของเซ็นทรัลกรุ๊ป หรือโลเคชั่นอื่นๆ ที่มีศักยภาพ โดยเราสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือการตอบโจทย์ Affluent Urbanists ทั้งกลุ่ม ‘ซื้ออยู่เอง’ ด้วยความมั่นใจในแบรนด์, คุณภาพ และโลเคชั่นของบ้านเซ็นทรัล, กลุ่ม ‘ซื้อพักผ่อน’ ที่มองหาบ้านอีกหลังเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Shop-cation และ Weekend House และกลุ่ม ‘ซื้อลงทุน’ มองหา asset ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ ด้วย yield ที่น่าดึงดูด 4%-5%” นางสาววัลยากล่าว








ร.อ. กรี เดชชัย President, Residential Business บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “การทำธุรกิจ Residential ของเราสอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม และชุมชน ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพ’ ในทุกส่วนทั้งการพัฒนาโครงการบ้าน, คุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ทั้งนี้ ‘บ้านเซ็นทรัล’ โดยเซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1) Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown, 2) Beyond Quality: คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย และ 3) Strong Synergy: ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ต่อเนื่อง ดังนี้









Best in Town: แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown พร้อมความสะดวกสบายของการมีที่อยู่อาศัยติดกับศูนย์การค้าหรืออยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งสามารถตอบโจทย์เชื่อมโยงการใช้ชีวิตประจำวันของลูกบ้าน ทั้งการช้อปปิ้งในศูนย์การค้า, ทานอาหารในโรงแรม และทำงานในอาคารออฟฟิศชั้นนำ อีกทั้งโครงการของเรายังเป็น Valuable Asset ที่มีมูลค่าน่าลงทุน

Beyond Quality: คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมายด้วย Customer-Centric Design Thinking เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ ‘ให้มากกว่า’ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

Space: ด้วยการให้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า, ให้พื้นที่สีเขียวที่มากกว่า สูงสุดถึง 35% ของพื้นที่ขายซึ่งมากกว่าโครงการทั่วไป เน้นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และให้พื้นที่ใช้งานที่มากกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เช่น Flexible Space, Senior Room, Universal Design

Smart Security & Well-Being: ความปลอดภัยที่มาพร้อมสมาร์ทเทคโนโลยี และเราให้ในระดับมาตรฐานที่มากกว่า อาทิ ระบบ Double Gate, VMS (Visitor Management System) ที่ให้มากับโครงการตั้งแต่แบรนด์ระดับเริ่มต้น และโครงการระดับบนอย่าง ‘NIYHAM’ ที่มี Security ถึง    6 ระดับ, Smart Application ที่รวบรวมทั้งระบบ Privilege, Security, Home Automation และระบบ Active Air-Flow ดูแลคุณภาพอากาศ ลดอุณหภูมิให้เหมาะแก่การอยู่อาศัย เป็นต้น

Services & Facilities: นิติบุคคลบริหารงานโดยเซ็นทรัลพัฒนา สร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งให้พื้นที่ส่วนกลางมากกว่า และ Facilities ที่ครบครัน อาทิ Rooftop pool ทุกโครงการคอนโดมิเนียม เป็นระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร (Semi-Olympic), Fitness อุปกรณ์ได้มาตรฐานระดับเดียวกับในโรงแรม, บริการ Shuttle bus ไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ให้พื้นที่จอดรถที่มากกว่ามาตรฐานทั่วไป และ outdoor lifestyles ใหม่ๆ อย่างเช่น Playground, Library & Senior garden ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และรองรับกิจกรรมผู้สูงวัย, Pet-Friendly, Laundry café รอระหว่างซักผ้า, Garden gym พื้นที่ออกกำลังกายในสวน เป็นต้น

Sustainability: ผลักดันเป้าหมาย NET ZERO ในปี 2050 จึงได้นำร่องนำวัสดุ และเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในการออกแบบ อาทิ คัดเลือกพรรณไม้ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 และเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น, ติดตั้งโซลาร์เซลเต็มรูปแบบในพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกบ้านในการติดตั้ง, บริการ EV Charger Station, ระบบจัดการน้ำเสีย, จุดรับขยะรีไซเคิล เป็นต้น

Strong Synergy: สิทธิประโยชน์จากกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยบริการที่มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาเป็น ‘ลูกบ้านเซ็นทรัล’ อาทิ เตรียมแผนบริการครั้งแรก Central Pattana Concierge บริการผู้ช่วยส่วนตัว, แม่บ้าน, และบริการอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจในโครงการมิกซ์ยูส, รับสิทธิ์อัปเกรดเป็น The 1 Exclusive หลังจากโอนบ้าน มาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย, ส่วนลดพิเศษจาก Central, Robinson, Tops Online, PowerBuy และบริการเพื่อคนรักบ้านจาก Home Service และ BnB Home เป็นต้น”









Central Pattana Residential มุ่งมั่นที่จะส่งมอบโครงการคุณภาพภายใต้แบรนด์และฟอร์แมตที่หลากหลาย ทั้งแนวสูงและแนวราบ ได้แก่ ESCENT คอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ติดศูนย์การค้า ระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์คนเมือง, PHYLL คอนโดมิเนียม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ, NIYHAM บ้านระดับ 25 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า Wealth ที่เป็นครอบครัวใหญ่, NINYA บ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้า YOUNG GENERATION ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ NIRATI บ้านระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเริ่มต้นที่ต้องการสร้างครอบครัวของตัวเอง




สำหรับการขยายโครงการใหม่ในปี 2565 นี้ Central Pattana Residential เปิดตัว 6 โครงการใหม่ ได้แก่ คอนโดมิเนียม 4 โครงการภายใต้แบรนด์ ESCENT ได้แก่ ที่สุราษฎร์ธานีติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี และมีโครงการที่ติดกับ Robinson Lifestyle อีก 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และตรัง รวมถึงโครงการแนวราบ 2 โครงการคือ นินญา ราชพฤกษ์ และนิรติ เชียงใหม่