ศุภาลัย เปิดโครงการใหม่รวม 34 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท มั่นใจปี 2565 เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งรายได้และกำไร ควบคู่กับจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 จะขยายตัวเล็กน้อยจากปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรควิด-19 ยังคงทวีความรุนแรง ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่ แต่ศุภาลัยก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯปี 2565จะเป็นไปในทิศทางบวก ด้วยอุปทานจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือ เรียลดีมานด์ โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวที่มียอดขายทรงตัวแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤต ขณะที่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของไทยยังคงส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งในปี 2565 คาดการณ์ว่าการเติบโตจะดีขึ้นตามการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง แต่เนื่องจากกิจการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงหายไป ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่สามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในระยะสั้น ทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัย ภายใต้สินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการ แบ่งเป็น สินค้าที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รีสอร์ทหรูมาตรฐานระดับสากล และเดินหน้ารุกตลาดภูมิภาค ขยายการลงทุนในต่างประเทศ และขยายการเช่าเพิ่มขึ้น
ปีที่ผ่านมา 2564 บมจ.ศุภาลัยมียอดขายรวม 31,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 24,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการร่วมทุนในต่างประเทศ 7,000 ล้านบาท ขณะที่การขยายตลาดที่อยู่อาศัยออกสู่ต่างจังหวัดก็ยังเดินหน้ากระจายการลงทุนต่อเนื่อง โดยปัจจุบันศุภาลัยพัฒนาโครงการครอบคลุม 24 จังหวัด โดยในปี 2565 ตั้งเป้าปีนี้เริ่มพัฒนาโครงการใหม่ใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ลำพูน นครสวรรค์ นครปฐม และ ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้เพราะบมจ.ศุภาลัย มีฐานการเงินที่แข็งแกร่ง มีจำนวนโครงการและสินค้าที่หลากหลายในแต่ละจังหวัด ประกอบกับมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีระบบการควบคุมคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ISO 9001 เป็นต้น
นอกจากมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จด้านผลประกอบการแล้ว บมจ.ศุภาลัย ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้แนวคิด “ศุภาลัย ใส่ใจ…สร้างสรรค์สังคมไทย” โดยบริษัทฯ ได้คำนึงถึง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกภาคส่วน นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามกระบวนการ SDGs (Sustainable Development Goals) ขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรตามแนวทาง CSR-IN-PROCESS ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเริ่มจากการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียงในจังหวัดต่างๆที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาทิ โปรเจ็คท์ Waste Management จัดการกับของเสียในกระบวนการก่อสร้าง เพื่อลดปริมาณความสูญเสียของวัสดุก่อสร้าง และสามารถจัดการกับเศษวัสดุก่อสร้างให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสามารถลดมลพิษทางอากาศในปัจจุบัน โครงการ Supalai Happiness Camp ส่งมอบความช่วยเหลือไปยังแคมป์คนงานก่อสร้างทั่วทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดแคมป์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย ซึ่งมีคนงานในแคมป์ก่อสร้างกว่า 6,000 คน เป็นต้น
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดทั้งปี 2564 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง บริษัทฯได้ใช้ช่วงเวลานั้นพัฒนา ปรับปรุงสินค้าและบริการโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผสานการทำงานที่รวดเร็วแบบ Agile สร้างองค์กรยุคใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการทำงานมากขึ้น โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการ อีกทั้งสานต่อระบบ Online Booking ให้รองรับทั้งการขายแนวราบและอาคารสูง เพื่อรองรับวิถีชีวิตยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิต New Normal เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ทำให้บริษัทฯก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆอย่างมั่นคง ส่งผลให้ผลงานในปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างน่าพึงพอใจ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม รวม 23 โครงการ มูลค่ารวม 24,790 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 21 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 โครงการ, ภูมิภาค 12 โครงการ) และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ
ปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายในประเทศ 28,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 29,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท และกำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ตั้งมั่นก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกโครงการให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นดังที่ตั้งมั่นมาตลอด 33 ปี โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างความพึงพอใจในระดับสูงให้กับลูกค้า ปรับปรุงและสร้างนวัตกรรมการทำงาน พร้อมพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกระดับในองค์กรผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆทั้งภายในและนอกองค์กร รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมโดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2565