• 20 เมษายน 2024
  • Thailand

“ไอคอนสยาม” ฉลองครบรอบ 1 ปี ด้วยมหาปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่

“ไอคอนสยาม”  ฉลองครบรอบ 1 ปี ด้วยมหาปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่

“ไอคอนสยาม” แลนด์มาร์คที่ได้รับการยกย่องระดับโลก ฉลองครบรอบ 1 ปีแห่งความสำเร็จในฐานะ Game-Changer Destination

นางชฎาทิพ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ไอคอนสยามได้รับการยอมรับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ในฐานะเป็นแม่เหล็กของการท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ทรงพลัง เป็น Global Destination ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและจากทั่วประเทศไทยให้เดินทางมาเยี่ยมชม จากการที่ไอคอนสยามลงทุนทำการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และได้ทำการตลาดแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ไอคอนสยามกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นไอคอนสยามยังถูกยกให้เป็นต้นแบบโครงการค้าปลีกที่บุกเบิกแนวความคิดที่แปลกใหม่ของการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์อนาคตที่สามารถรวบรวมศิลปะ ประเพณีท้องถิ่น นวัตกรรม สถาปัตยกรรมระดับโลก และประสบการณ์เหนือระดับในการช้อปปิ้งและ entertainment มารวมกันลงตัวได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นโครงการตัวอย่างที่ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาโครงการค้าปลีกจากทั่วโลกให้ต้องเดินทางมาเยี่ยมชม และศึกษาแนวคิดของการทำโครงการไอคอนสยามตลอดปีที่ผ่านมา”

“เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เราสามารถทำโครงการไอคอนสยาม ซึ่งเป็นโครงการของบริษัทคนไทยที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 55,000 ล้านบาท และทำได้สำเร็จได้ในระยะเวลาเพียง 5 ปี  ท่ามกลางยุคที่ประเทศไทยเผชิญปัญหา วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง และความผันผวนทางเศรษฐกิจสูงสุด ที่สำคัญไอคอนสยามได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้น เกิดการจ้างงานกว่า 300,000 อัตรา  อีกทั้งไอคอนสยามสามารถดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่างๆ ในโครงการ เป็นมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย และ Luxury Brands ต่างๆ ที่แม้จะเปิดในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นและเปิดอีกสาขาระดับแฟล็กชิฟสโตร์ในไอคอนสยาม เราได้ก้าวข้ามและเอาชนะความท้าทายทุกรูปแบบ จนเมื่อเปิดดำเนินโครงการสำเร็จ และผ่านพ้นมา 1 ปี ด้วยผลประกอบการที่ดี  ซึ่งหลายร้านมียอดขายเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากสาขาสยามพารากอน รวมถึงต้องการขยายพื้นที่เพิ่มอีกด้วย  ไอคอนสยามได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทยและคนไทย พร้อมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์นานาประการแก่ชุมชนที่รายล้อมและบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดอีกด้วย” นางชฎาทิพ กล่าว

สุขสยาม ความสำเร็จของมหาปรากฏการณ์ที่รวบรวม Local Heroes ศิลปิน ช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสได้ทำการค้าขายในกรุงเทพฯ ให้ได้เข้ามาทำการค้าขายบนเวทีที่มีศักยภาพ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา สุขสยามได้ดึงดูดผู้คนเข้ามาที่สุขสยามไม่ต่ำกว่า 50,000 – 70,000 คนต่อวัน ผนวกกับการช่วยเหลือและส่งเสริมความรู้และการทำการตลาด และ modern trade ให้กับผู้ประกอบการ ส่งผลทำให้ประสบความสำเร็จ โดยผู้มาค้าขายในสุขสยามมีรายได้ดีมากและมีเงินทุนที่จะทำธุรกิจพัฒนาสินค้าต่ออีก ลูกหลานก็เห็นช่องทางและยินดีที่จะมาต่อยอดเพื่อสืบสานกิจการค้าขายหรืองานฝีมือของครอบครัวและบรรพบุรุษต่อไปเพราะได้เห็นโอกาสและความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงในสุขสยาม ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการหลายรายได้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจนได้มีโอกาสไปทำธุรกิจในต่างประเทศแล้วอีกด้วย

ริเวอร์ พาร์ค จากปณิธานของไอคอนสยามในการอุทิศพื้นที่ในโครงการขนาดใหญ่ 10 ไร่ ให้เป็น Community Space วันนี้ริเวิอร์พาร์คได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้เสมือนเป็นระเบียงหน้าบ้าน  มีการใช้พื้นที่ในการจัดประเพณีไทย 12 เดือน เต็มตลอดทุกเดือน เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาทิ ประติมากรรมเทียนพรรษายักษ์ที่เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีเข้าสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก กลายเป็น world class destination ที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศและทั่วโลก

การแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย ที่ยาวและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พิสูจน์ความสำเร็จแล้ว ในการทำให้แม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น New Global Destination ด้วยการมี World Class Attraction ที่ทรงพลัง ซึ่งนอกเหนือจากการดึงดูดผู้คนให้มาชมการแสดงได้อย่างล้นหลามแล้ว ล่าสุดการแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย ของไอคอนสยาม ยังได้รับคัดเลือกให้ได้รางวัลชนะเลิศ รางวัล Gold Stevie Award 2019 สาขา Art, Entertainment & Public – Art Event จาก The International Business Awards การประกวดธุรกิจนานาชาติประจำปี 2019 บนเวทีระดับโลก

ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย บนชั้น 7 ด้วยความจุขนาด 2,700  ที่นั่ง  รองรับการจัดงานประชุม ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และสามารถรองรับโชว์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศได้ซึ่งจะจุดประกายให้กับอุตสาหกรรม MICE และทำให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางของการประชุมนานาชาติและการแสดงระดับชั้นนำของโลก 

ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก พื้นที่ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้เปิดเฟสแรก ‘ไอคอนสยาม อาร์ท สเปซ’ เมื่อเดือนกันยายนศกนี้  พื้นที่ 2,000 ตร.ม.ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยทุกแขนงตั้งแต่ศิลปินรุ่นใหม่ ศิลปินท้องถิ่น ไปจนถึงศิลปินระดับชาติใช้แสดงผลงาน โดยงานแรก กลุ่มบริษัทโตชิบา ประเทศไทย ได้จัดนิทรรศการศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” งานแสดงผลงานจากประกวดศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ของศิลปินทั่วประเทศ ภายใน 1 เดือนถึงวันนี้มีผู้ชมงานมากถึง 100,000 คน  หลังจากนี้จะเปิดเฟสสองคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม ฮอลล์’ จะเป็นพื้นที่สำหรับการจัดแสดงงานสำคัญจากทั่วโลก และการร่วมมือกับแบรนด์ดังระดับโลก และส่วนสุดท้ายคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก’ ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยจะเปิดให้บริการปลายปี 2563 ทั้งหมดนี้จะทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นจุดศูนย์กลางวงการศิลปะโลกอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านถนนเจริญนครไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสินรวม 3 สถานี และในอนาคตจะเป็น Feeder Line ที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2563 โดยจะเป็นรถไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทยที่เปิดเดินรถโดยใช้ระบบ AGT (Automated Guideway Transit) ทำให้ก่อสร้างบนพื้นที่จำกัดได้ จึงไม่ต้องเวนคืนที่ดินของประชาชน อีกทั้งการเดินรถระบบนี้มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้สามารถใช้โครงสร้างเสาขนาดเล็กกว่าระบบเดิม นอกจากนั้นตัวรถเป็นระบบล้อยาง ทำให้เวลาเดินรถเสียงจะเงียบกว่ารถไฟฟ้าแบบเดิม ลดผลกระทบด้านเสียง และ AGT ยังเป็นระบบเดินรถแบบไร้คนขับ (Driverless) ที่จะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ควบคุมการเดินรถด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะควบคุมระยะเวลาในการเดินรถได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยสูง

ปรากฏการณ์รวมโลกในรอยไทย จากศิลปินไทยระดับอาจารย์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินท้องถิ่นจากทั่วประเทศไทย และรวมถึงผลงานสร้างสรรค์โดยศิลปินต่างชาติ ได้แสดงความสามารถและผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโครงการกว่า 100 ชิ้น หรือแม้กระทั่งในร้านค้าต่างๆ เป็นการสนับสนุนผลงานสร้างสรรค์ของศิลปินและช่างฝีมือไทยเหล่านั้นให้ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาโลก และจะยังมีเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

“ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของไอคอนสยาม ล้วนเกิดจากการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคจากหัวใจคนไทยร้อยพันชีวิตผนึกกำลังกับผู้เชี่ยวชาญจาก 4 ทวีป รวม 15 ชาติ ผู้มีส่วนร่วมในโครงการ (The Makers, The Co-Creators, The Supporters) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ศิลปิน นักออกแบบ นักธุรกิจ ตลอดจนผู้คนจากชุมชนทั่วไทย  ดังนั้นความสำเร็จและความดีงามของโครงการไอคอนสยามในวันนี้ต้องยกให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมด” นางชฎาทิพ กล่าว

นางชฎาทิพ กล่าวว่า “เป็นวิสัยทัศน์ของไอคอนสยามตั้งแต่แรกเริ่มที่ต้องการให้คนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมและได้ประโยชน์จากการเปิดไอคอนสยาม ประการแรกคือ ส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เป็นจุดหมายหมายปลายทางที่คนไทยอยากจะมาเยี่ยมชม รวมทั้งพาเพื่อนต่างชาติมาร่วมชื่นชมคุณค่าความดีงามตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมไทย ทำให้คนต่างชาติหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นคนไทยยังได้ร่วมภาคภูมิใจในความสำเร็จและการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก จากการได้รับรางวัลชนะเลิศมากมายจากสถาบันและสมาคมอันทรงเกียรติระดับนานาชาติหลายแห่งที่ได้รับการยอมรับสูงสุดของโลกในแวดวงค้าปลีกและการพัฒนาโครงการ ซึ่งต่างยกย่องไอคอนสยามว่ามีแนวคิดที่บุกเบิกระดับโลกและมีโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนวิธีคิดและเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยรางวัลที่ได้รับในสาขาต่างๆ ทั้งการได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล ‘ออกแบบดีที่สุดในโลก’ จากสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Congress) และคว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน ‘การออกแบบที่ดีที่สุด’ จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers – ICSC) นอกจากนั้น สมาคมศูนย์การค้าโลกยังได้มอบรางวัลสูงสุดให้แก่ไอคอนสยาม สำหรับการมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางผ่านโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ รางวัลการจัดงานเปิดที่สร้างสรรค์และยิ่งใหญ่จนเป็นมหาปรากฏการณ์ระดับโลก รวมถึงรางวัลด้านการทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่โครงการจากประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศเหนือโครงการอื่นๆ ทั่วโลกมากมายเป็นประวัติการณ์ ด้วยเวลาภายใน 1 ปี หลังจากเปิดโครงการ”

ประการที่สอง การสร้างผลประโยชน์ให้เกิดในวงกว้าง ที่ประสบความสำเร็จทำได้อย่างชัดเจน ก็คือการอุทิศพื้นที่กว่า 30% ของพื้นที่ในโครงการไอคอนสยาม ให้กับผู้ประกอบการ SME โดยส่วนแรกเป็นพื้นที่ขนาดกว่า 10 ไร่ ชั้นล่างสุดคือ ‘เมืองสุขสยาม’ ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลระดับโลก เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากที่มีฝีมือและมีสินค้าที่โดดเด่น แต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงตลาดหรือเวทีการค้าซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลที่จะช่วยต่อยอดให้กิจการของเค้าเติบโตได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ไอคอนสยามได้มอบให้กับผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านั้น ด้วยการเปิดโอกาสและเปิดเวทีให้ชุมชนจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมานำเสนอผลงานจากความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ บนเวทีที่ต่อยอดสนับสนุนและส่งเสริมทั้งในด้านการขายและสอนเทคนิคการทำการตลาด เพื่อช่วยให้สินค้าเหล่านั้นสามารถเจาะตลาดนานาชาติได้ และสามารถต่อยอดไปสู่การทำ E-commerce ได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษางานศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิมของไทยให้คงอยู่แบบยั่งยืน  พื้นที่ส่วนที่สองคือ ‘ไอคอนคราฟต์’ ที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการ SME เข้ามาค้าขายในไอคอนคราฟต์ถึง 500 ราย ให้มีรายได้เพื่อต่อยอดความสามารถและมีความภาคภูมิใจที่ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้าที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม เพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าไปขายในต่าวประเทศอีกด้วย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ในเร็วๆ นี้ การเปิด “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ซึ่งเป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศไทยที่ครบครันไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สุด จะทำให้กรุงเทพฯ ก้าวไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการประชุมระดับนานาชาติ ในขณะที่ “ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก” ที่ไอคอนสยามซึ่งกำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ จะเป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์มาตรฐานสูงสุดระดับสากลแห่งแรกของไทย ที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นเจ้าภาพรองรับการจัดแสดงงานของพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระดับสูงสุดของโลกได้ ซึ่งจะช่วยให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยมีความพร้อมและความแข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรม MICE มากยิ่งขึ้น”

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “พื้นที่ย่านคลองสานและเจริญนคร ที่เคยเงียบเหงาและอยู่นอกสายตาของผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาตลอด กลับกลายเป็นทำเลทองที่ผู้พัฒนาโครงการและนักลงทุนต่างให้ความสนใจ ทั้งนี้โครงการไอคอนสยาม เป็นโครงการนำร่องที่จุดประกายเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่านฝั่งธนบุรี โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการ จนถึงโครงการสร้างแล้วเสร็จ มูลค่าของที่ดินบริเวณถนนเจริญนครบริเวณใกล้เคียงกับไอคอนสยาม สูงขึ้นกว่าสองเท่า จากราคาตารางวาละ 150,000 -250,000 บาท เป็นตารางวาละ 300,000 – 450,000  บาท ส่วนในตลาดที่อยู่อาศัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในฝั่งธนบุรีปี 2561 ถึง 12 โครงการ จำนวน 6,509 ยูนิต และในปี 2562 มี 8 โครงการจำนวน 5,538 ยูนิต ทั้งนี้ ถ้าพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในปี 2560-2562 เฉพาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับไอคอนสยาม บนถนนเจริญนครและคลองสาน 3 โครงการ จำนวน 1,508  ยูนิต  ล้วนประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของยอดขาย โดยมียอดขายรวมเฉลี่ยสูงถึง 95 % ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์สะสมของผู้ซื้อในย่านดังกล่าว และนักลงทุนจากย่านอื่นๆ ที่มองเห็นศักยภาพในการเจริญเติบโต และความเป็นทำเลที่เหมาะกับการอยู่อาศัย ทั้งในแง่การเดินทางที่สะดวกสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เทียบเท่ากับฝั่งใจกลางย่านธุรกิจอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยโครงการไอคอนสยามได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัย การทำธุรกิจ และเสริมความโดดเด่นให้กับพื้นที่ในเรื่องการคมนาคมทั้งระบบรถ-ราง-เรือ  โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งกำลังก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2563”

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า “ไอคอนสยาม และกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจริมแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังสร้างประสบการณ์ใหม่และสร้างประโยชน์ให้กับกรุงเทพฯ เหมือนกับที่ลอนดอนอาย (London Eye) สร้างประโยชน์ให้กับเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเหมือนกับที่สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Botanic Gardens) และมาริน่า เบย์ แซนด์ (Marina Bay Sands) สร้างประโยชน์ให้กับประเทศสิงคโปร์ และเป็นการเพิ่มแม่เหล็กทางด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งประเทศไทยและทั่วโลกให้มาเยี่ยมชม กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและสร้างการเติบโตให้กับภาคธุรกิจโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้”

นาวาโท ปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวว่า “ผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจได้แผ่กระจายไปยังธุรกิจอื่นทุกประเภทและทุกระดับนอกเหนือจากโครงการไอคอนสยาม โดยกิจการต่างๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน และพื้นที่โดยรอบในย่านเจริญนคร ต่างได้รับประโยชน์ในทันที ทั้งร้านค้า ภัตตาคาร และโรงแรม มีจำนวนผู้มาใช้บริการและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ภาพรวมของธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยามีการเติบโตขึ้นกว่า 20% มีการลงทุนต่อเนื่องทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว โครงการมิกซ์ยูส รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ภัตตาคาร ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว เรือดินเนอร์กลางคืน ฯลฯ ระบบการเดินทางโดยแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 10-15% เรือด่วนและเรือท่องเที่ยวมีผู้สัญจรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มจากประมาณ 4 หมื่นคนต่อวันเป็น 5 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นถึงวันละ 10,000 คน หรือปีละ 3,650,000 คน

นายอาภรณ์ กุลวัฒโท ประธานสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน กล่าวว่า “ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่ทำให้ไม่ต้องเดินทางออกไปงานทำในพื้นที่อื่น อีกทั้งยังช่วยดึงดูดคนเป็นจำนวนมากให้เข้ามาเยี่ยมเยือนและจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เปลี่ยนพื้นที่ที่เคยถูกมองข้ามหรือถูกลืมเลือนให้กลับมามีชีวิตชีวาและเป็นที่สนใจอีกครั้ง ทั้งยังเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ทำมาค้าขายอยู่ในพื้นที่ ได้มีส่วนร่วมและมีพื้นที่ทำมาค้าขายในโครงการไอคอนสยาม เช่น การเปิดพื้นที่ ‘โซนธนบุรีดีไลท์’ ให้ชาวย่านได้เข้ามาขายอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวย่านได้นำของดีคลองสานและธนบุรีทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ นำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก”